- Published Date: 04/12/2019
- by: UNDP
ถอดบทเรียน ‘National Dialogue’ : อยู่อย่างเข้าใจและไม่ใช้ Hate Speech
Youth Co:Lab Thailand 2019 ผ่านพ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 1-3 พฤศจิกายน 2562 เราได้เปิดประสบการณ์ใหม่กับน้องๆ ผู้เข้าร่วมทั้ง 10 ทีมเกี่ยวกับการคิดหาวิธีลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้น เพื่ออยู่ร่วมกันได้อย่างสงบท่ามกลางความหลากหลาย นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้เข้าร่วมเสวนา National Dialogue ซึ่งเป็นการนำเสนอรายงานเกี่ยวกับ Inter-faith Intolerant in Thai Society
ในหัวข้อ ‘Embracing Diversity’ เพราะหลายปีที่ผ่านมา ในสังคมไทยยังคงมีภาพของการดูแคลนระหว่างผู้คนต่างอัตลักษณ์ วัฒนธรรม และศาสนา โดยเฉพาะในช่องทางสื่อออนไลน์ ที่โซเชียลมีเดียทำให้ประเด็นนี้รุนแรงมากขึ้น จนนำไปสู่การแสดงความเกลียดชังในโลกออนไลน์ (online hate speech) และส่งผลต่อความเกลียดชังในโลกออฟไลน์ด้วยเช่นกัน
ดังนั้นในปีที่ผ่านมา โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme – UNDP) จึงริเริ่มความร่วมมือกับศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร เพื่อศึกษาการใช้ภาษา การสื่อสาร และการแสดงความคิดเห็นที่เข้าข่ายการแสดงความเกลียดชัง (hate speech) ในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อให้สังคมเข้าใจการดำรงอยู่ของปรากฏการณ์เหล่านี้ และร่วมป้องกันไม่ให้ความเกลียดชังลุกลามกลายเป็นความรุนแรง ผ่านการมุ่งสร้างวัฒนธรรมที่เคารพและให้เกียรติความหลากหลายในสังคม
ภายในงานเสวนาหยิบยกประเด็นเรื่องความเกลียดชังระหว่างความเชื่อในสังคมมาพูดคุยกัน ซึ่งมีหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน มหาวิทยาลัย ประชาสังคม สื่อ และเยาวชนให้เกียรติเข้าร่วมงาน เพื่อนำไปต่อยอดให้เกิดการพัฒนาและการเปิดรับที่มากขึ้นในอนาคต และผู้เข้าร่วมอย่างเราได้เรียนรู้หนึ่งสิ่งที่น่าสนใจมากทีเดียว นั่นคือ ‘Hate Speech in Social Media’ หรือ ‘ภาวะที่คนไม่ทนกันจนก่อให้เกิดคำพูดเชิงเกลียดชังในสื่อออนไลน์’ ซึ่งศึกษาความสัมพันธ์และการใช้ถ้อยคำเชิงเกลียดชังในสื่อสังคมออนไลน์ระหว่างพุทธ-มุสลิม จากการเข้าร่วมเสวนาเราได้รับข้อคิดจากงานเพื่อปรับใช้ในชีวิต 4 ข้อ
01 Hate Speech 4 ระดับ
รายงายชิ้นนี้ ศึกษาด้วยการเสิร์ชคำค้นหาในแพล็ตฟอร์มออนไลน์ อย่าง เฟซบุ้ก เพื่อเก็บข้อมูลและแบ่งประเภทของคำพูดเชิงเกลียดชัง ซึ่งทำให้เรารู้ว่า คำพูดเชิงเกลียดชังสามารถแบ่งได้ 4 ระดับ
- แสดงความจงเกลียดจงชัง (Intense Dislike) แบ่งความเป็นพวกเขาและพวกเรา เช่น พวกมัน พวกหนักแผ่นดิน พวกนอกรีด ฯลฯ
- ยั่วยุให้เกลียดโดยกล่าวโทษรุนแรง ประณาม เหยียดหยาม และลดทอนความเป็นมนุษย์ เช่น กระจอก เห็นแก่ตัว โจรหมา เอาหมูยัดปาก ไม่ใช่คน ฯลฯ
- แสดงการปฏิเสธการอยู่ร่วมกัน เช่น ออกไปเลย อยู่ด้วยกันไม่ได้ แยกดินแดนไปเลย ฯลฯ
- ยั่วยุให้ทำผิดกฎหมาย และการใช้ความรุนแรงเชิงกายภาพเพื่อทำลายล้าง เช่น เก็บมันให้หมด เด็ดหัว ยิงทิ้ง เก็บไว้ก็หนักแผ่นดิน ฯลฯ
02 สถานการณ์ Hate Speech ในสังคมออนไลน์ปัจจุบันอยู่ในระดับที่ 2
ผลของรายงานครั้งนี้พบว่า โลกออนไลน์ในบ้านเรา มักใช้คำพูดเชิงเกลียดชังในระดับที่ 2 ยั่วยุให้เกลียดโดยกล่าวโทษรุนแรง ประณาม เหยียดหยาม และลดทอนความเป็นมนุษย์ พวกเราฟังแล้วหยุดคิด … เอ … สังคมไทยที่เรารู้จัก มาถึงขั้นนี้เลยหรอ … ยังดีนะ ที่เรามาเริ่มคุยกันก่อนที่สถานการณ์จะรุนแรงกว่านี้จนแก้ปัญหาได้ยาก ดีนะที่เรามาเริ่มเอะใจกับสถานการณ์ก่อนที่พวกเราจะไม่สามารถมานั่งคุยกันแบบนี้ได้ ยังดีนะ … ที่เราเห็นว่าเรื่องนี้ไม่เล็กน้อยก่อนที่จะผู้คนจะเริ่มหยิบใช้อาวุธมาห้ำหั่นกัน อย่างปิดหูปิดตา ปิดใจ ยังดีนะ .. ที่เราได้เริ่มต้นขบคิดการแก้ปัญหานี้กัน
03 เข้าใจ Counter Speech
การเข้าร่วมเสวนาครั้งนี้ ยังทำให้เราได้รู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า ‘Counter Speech’ ซึ่งหมายถึง ข้อมูลในแง่มุมโต้แย้งกับคำพูดเชิงเกลียดชังที่เกิดขึ้น มักพบจากการแสดงความคิดเห็นโต้ตอบกับบางความเห็น ทำให้คนฟังหรือคนอ่านข้อมูลต่างๆ ในโลกออนไลน์ได้หยุดคิด และทบทวนความคิด หรือความเชื่อที่เรามีว่า เป็นแบบนั้นจริงๆ หรือเปล่า
04 Hate Speech จะลดได้ต้องใช้ความร่วมมือ
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดของการเข้าร่วมเสวนา National Dialogue ครั้งนี้ คือการทำงานเพื่อลดคำพูดเชิงเกลียดชังนั้น ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกๆฝ่าย มาร่วมถกประเด็น หาทางออก หาทางลดความรุนแรงผ่านแป้นพิมพ์ หาทางลดแนวคิดสุดโต่ง โดยอาศัยการคิดค้นหาวิธีการกันอย่างสร้างสรรค์ และพร้อมที่จะร่วมมือเพื่อสร้างสังคมที่ดีกว่าเดิมให้เกิดขึ้นในวันข้างหน้า
ผลของรายงาน ‘Hate Speech in Social Media’ หรือ ‘ภาวะที่คนไม่ทนกันจนก่อให้เกิดคำพูดเชิงเกลียดชังในสื่อออนไลน์’ ทำให้เราได้หยุด และคิดทบทวนก่อนที่จะพิมพ์ หรือแสดงความคิดเห็นอะไรลงไปในโลกโซเชียลเสมอ