- Published Date: 01/12/2018
- by: UNDP
แนวโน้มของเทคโนโลยี: เราจะนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในกิจการเพื่อสังคมได้อย่างไร
“ทุกวันนี้คนอยู่กับเทคโนโลยีมากขึ้น ถ้าเราใช้ช่องทางเหล่านี้ได้ดีก็จะเข้าถึงคนได้มากขึ้น”
เทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทุกมิติการใช้ชีวิตในปัจจุบันอย่างไม่สามารถแยกจากกันได้ โดยมีหลายอุตสาหกรรมตลอดจนหลายธุรกิจที่นำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นเครื่องมือที่ช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจได้เปรียบคู่แข่งและประสบความสำเร็จได้อย่างถล่มทลาย ยกตัวอย่างเรื่องราวจากเน็ตฟลิกซ์ ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งที่เริ่มต้นจากร้านเช่าวิดีโอ ที่เลือกแก้ไขปัญหาผู้เช่าโดนปรับเมื่อคืนเกินเวลาด้วยโมเดลแบบใหม่ และพัฒนาตัวเองจนกลายมาเป็นผู้นำด้านแอปฯ สตรีมมิ่งของโลก
งานบรรยายในครั้งนี้จึงมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้ประกอบการกิจการเพื่อสังคมได้เข้าใจพื้นฐานของเทคโนโลยีในปัจจุบัน แนวโน้มการใช้งาน พร้อมกับการใช้งานที่ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณเยอะ ก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกิจการได้ โดยสิ่งที่ผู้ประกอบการจะต้องคำนึงถึง มีรายละเอียดดังนี้
Ideas are easy, Software is hard.: การออกแบบเทคโนโลยีเพื่อใช้งานจำเป็นต้องนึกถึงปัญหาของผู้ใช้งานเป็นสำคัญ ผ่านกระบวนการปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ เพื่อกำหนดขอบเขตของเทคโนโลยีที่จะใช้งาน ความต้องการที่ได้รับการตอบรับ เกิดเป็นสิ่งที่เรียกว่า ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (User Experience: UX) จะสามารถรู้ได้จาก info architecture หรือโครงสร้างของข้อมูลที่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ, visual design หน้าตาของแอปฯ, software development การพัฒนาซอฟต์แวร์โดยผู้เชี่ยวชาญ ประเด็นสำคัญตรงนี้คือ มีผู้สร้างหลายรายที่เมื่อนึกถึงปัญหาได้แล้วก็มุ่งให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์เริ่มต้นเลยทันที โดยไม่ได้ใช้เวลาคิดอย่างถี่ถ้วนว่าเทคโนโลยีนั้นเป็นสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการจริงหรือไม่ ในบางครั้ง ผู้ใช้อาจมีตัวเลือกอื่นที่สะดวกกว่า หรือผู้สร้างเองอาจยังไม่มีข้อมูลมากเพียงพอต่อการให้บริการอย่างครบถ้วน
หน้าตาและการใช้งาน (User Interfaces: UI) เมื่อออกแบบเทคโนโลยีมาแล้ว สิ่งสำคัญเลยคือการใช้งานจริงของผู้ใช้ ศึกษาว่ามีลักษณะการใช้งานอย่างไร เทคโนโลยีที่เลือกใช้จึงต้องสัมพันธ์กับพฤติกรรมของผู้ใช้งาน เช่น มีทั้งแอปฯ ในมือถือ (mobile application) แอปฯ ในหน้าจอ (desktop application) และเว็บไซต์หลัก สำหรับกิจการเพื่อสังคมบางรายอาจเน้นการเปิดรับบริจาค จึงควรรู้ว่าแอปฯ ใน iOS นั้นมีรายได้มากถึงสิบเท่า เพราะผู้ใช้นั้นมีอำนาจในการซื้อที่สูงกว่าแอนดรอยด์ ดังนั้น ถ้าต้องการทำแอปฯ ให้คนบริจาคจึงควรเลือกช่องทางผ่านแอปเปิ้ล แต่ถ้าเป็นกิจการที่เน้นการเข้าถึงคนหมู่มาก ก็แนะนำให้เลือกแอนดรอยด์ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีการเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์การใช้งานได้ ไม่ว่าจะเป็น AR: Augmented Reality ผสมภาพจริงกับภาพจากเทคโนโลยีใช้ในการทำงานต่างๆ ได้ การค้นหาและจับวัตถุในโลกจริงและแสดงผลในโลกเสมือน รับข้อมูลจากเซนเซอร์และแสดงผลบนหน้าจอแต่ละอุปกรณ์ โดยที่ผู้ใช้งานสามารถมีปฏิสัมพันธ์ร่วมด้วยได้ หรือเทคโนโลยี VR: Virtual Reality ที่ถูกใช้เพื่อแก้ไขปัญหา ตัวอย่างจากการให้เด็กดู VR HERO คล้ายกับภาพยนตร์โดยมีตัวเองเป็นฮีโร่ เรื่องราวพาไปถึงจุดที่เด็กต้องเพิ่มพลัง ในโลกความเป็นจริงคือฉีดวัคซีนเสมือนกับเพิ่มพลังฮีโร่นั่นเอง เป็นเครื่องมือที่ช่วยแก้ไขปัญหาเด็กที่กลัวการฉีดยา หรือการใช้ VR ร่วมกับแอปฯ บริจาคเงิน ว่าเงินที่ได้รับนั้นเดินทางไปช่วยเด็กในพื้นที่ห่างไกลคนไหน จำนวนกี่คน กี่มื้อ สามารถแสดงเป็นรายงานได้ เป็นต้น หรือเทคโนโลยีแชทบอท (Chatbot) ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารหลัก เพราะผู้ใช้เน้นการส่งข้อความส่วนตัวมากกว่าการโพสต์ในโซเชียลมีเดีย ดังนั้นตั้งแต่เว็บไซต์ข่าวจนถึงผู้ประกอบการเพื่อสังคมก็สามารถใช้แชทบอทในการสื่อสารแบบอัตโนมัติหรือคัสตอมข้อความได้
Design the Beginning: เมื่อเข้าสู่ขั้นตอนที่สามนี้ ให้คิดว่าผู้ใช้งานจะสามารถเข้าถึงโปรเจ็กต์ของเราได้จากที่ไหน จะมีรูปแบบการประชาสัมพันธ์ผ่านช่อทางใดบ้าง โจทย์สำคัญคือทำอย่างไรที่ผู้ใช้จะเห็นบริการของเราและเห็นประโยชน์ภายใน 1 นาที โจทย์ต่อมาคือทำอย่างไรให้เมื่อลองใช้งานแล้วบอกต่อกับคนอื่น และกลับมาใช้งานใหม่อย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้คุณวรพลกล่าวว่า “สิ่งที่ควรพิจารณาคือกลุ่มเป้าหมาย (target audience) ของเรา สิ่งที่อยากให้เขารู้เกี่ยวกับโปรเจ็กต์คืออะไร แล้วอยากโฆษณาในช่องทางไหน call to action ว่าอยากให้เขาทำอะไรหลังจกที่รู้จักโปรเจ็กต์เราแล้ว อยากให้ทำสิ่งที่เรียกว่า marketing material เพราะคนในกลุ่มจะได้เห็นตรงกันว่าจะขายสิ่งนั้นเพื่อใคร ยิ่งเป้าหมายชัดเท่าไหร่ยิ่งง่ายเท่านั้น”
Human and Machine Intelligence: การทำงานร่วมกับระหว่างมนุษย์และปัญญาประดิษฐ์จะไม่ได้เป็นเรื่องไกลตัวอีกต่อไป เมื่อ Machine Learning และ Deep learning จะเข้ามาเป็นผู้ช่วยคนสำคัญในอนาคต โดยมีตัวอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น การแสดงผลพื้นที่ร้านอาหารในแอปฯ wongnai ก็เป็นการทำงานร่วมกับ Google map เป็นต้น