- Published Date: 29/11/2021
- by: UNDP
การข้ามเพศทางการแพทย์สำหรับเยาวชนข้ามเพศ
“ก็ฟังจากรุ่นพี่ค่ะ บางทีก็จากเพื่อนบ้าง แต่ [รุ่นพี่และเพื่อน] ก็พูดไม่ตรงกันสักคน” คือคำพูดของ ‘นิว’ เด็กหญิงข้ามเพศวัย 14 ปีที่เล่าถึงประสบการณ์ “เทกยาคุม” ของเธอ การรับประทานยาคุมกำเนิดเพื่อให้ร่างกายมีสรีระเป็นเพศหญิงในหมู่ผู้หญิงข้ามเพศถือเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ไม่สามารถซื้อฮอร์โมนส์ได้ ด้วยว่ามีกำลังจ่ายไม่เพียงพอ
.
เธอยังคงเล่าถึงประสบการณ์ของเธอหลังการรับประทานยาคุมกำเนิดต่อ “เวียนหัวค่ะ แต่ถ้าให้หนูหยุดสักวัน หนูก็กังวลว่าร่างกายจะกลับมาเป็นแบบเดิม” เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่พบเห็นได้บ่อย เนื่องจากถึงแม้ว่ายาคุมกำเนิดจะมีฮอร์โมนส์เพศหญิง แต่ก็ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับการข้ามเพศ คำถามก็คือ แล้วทำไมเด็กข้ามเพศเหล่านี้ถึงยังเลือกเทกยาคุมอยู่
.
เนื่องจากสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แห่งการรับรู้ตัวตนคนข้ามเพศ (Transgender Awareness Week) เพจ GendersMatter ร่วมกันกับ UNDP Thailand จึงขอร่วมมือกัน ขจัดความเข้าใจผิดที่มีต่อคนข้ามเพศ และวันนี้ หัวข้อที่จะพูดถึงก็คือ “การข้ามเพศทางการแพทย์ และ เยาวชนคนข้ามเพศ”
.
โดยทั่วไปแล้ว เมื่อพูดถึงคำว่า เยาวชนข้ามเพศ คนมักจะมีคำถามว่าเยาวชนสามารถเป็นคนข้ามเพศได้จริง ๆ หรือ คำตอบก็คือ การข้ามเพศซึ่งเป็นการข้ามจากเพศทางชีววิทยามาสู่สำนึกทางเพศที่แท้จริง อาจมีอยู่แต่กำเนิด (innate) อยู่แล้ว ไม่ได้มาจากอิทธิพลของวัฒนธรรมหรือสังคมเฉพาะที่แต่อย่างใด ฉะนั้น จึงไม่ควรมีใครกล่าวได้ว่าเด็กข้ามเพศไม่มีอยู่จริง
.
และจากงานสำรวจ ก็พบว่า ยิ่งเด็กข้ามเพศได้รับกระบวนการการข้ามเพศเร็วมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีแนวโน้มที่สุขภาพจิตของพวกเขาจะไม่แย่ลงด้วยความทุกข์จากเพศภาวะไม่ตรงกับร่างกาย (gender dysphoria) อีกด้วย แต่คำถามที่แท้จริงก็คือ แล้วถ้าเด็กเหล่านี้จะเข้ารับการข้ามเพศทางการแพทย์ จะสามารถเข้ารับได้ที่ไหน และจะสามารถปรึกษาใครได้บ้าง
.
#ปรึกษาหมอสิคะ – คือคำตอบที่ชัดเจนที่สุด แต่ก็ยังต้องยอมรับว่าสถานให้บริการทางสุขภาพทุกที่อาจยังไม่มีองค์ความรู้ที่ครบถ้วนด้านการข้ามเพศ อย่างไรก็ตาม ‘คลินิกเพศหลากหลาย’ ประจำคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี หรือที่รู้จักกันในนาม ‘Gen V Clinic’ ก็ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมที่เรียกได้ว่าบริการด้านการข้ามเพศได้อย่างครบถ้วนที่สุด (สามารถติดต่อได้ที่ https://bit.ly/3nCM694)
.
จากศูนย์ให้บริการทางสุขภาพของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานฟราสซิสโก การข้ามเพศทางการแพทย์ (medical transitioning) จะแบ่งออกเป็น 5 อย่าง ได้แก่ การเข้ารับฮอร์โมนส์ การกำจัดขน การบำบัดด้านการพูด (speech therapy หรือ voice training) และ การเก็บไข่หรือสเปิร์ม นอกจากนี้ก็ยังมีการผ่าตัดแปลงเพศ (SRS หรือ sexual reassignment surgery)
.
ในประเทศไทยนั้น มักจะเป็นที่รู้จักกันอยู่สามอย่างคือ การเข้ารับฮอร์โมนส์ การกำจัดขน และการผ่าตัดแปลงเพศ แต่เมื่อพิจารณาจากข้อจำกัดของเยาวชนข้ามเพศ จะพบว่า เยาวชนนั้นยังไม่สามารถที่จะจับจ่ายการบริการการข้ามเพศที่กล่าวมาได้ กลายเป็นความทุกข์ที่ทับถมเนื่องจากไม่สามารถออกจากสภาวะ gender dysphoria ได้
.
แต่การข้ามเพศถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนข้ามเพศ ไม่มีเหตุผลใดที่จะงดเว้นจากการเป็นสวัสดิการด้านสุขภาพ แต่เพราะคนทั่วไปยังเชื่ออยู่ว่าการข้ามเพศเป็นไปเพื่อความสวยงาม และ เป็นสิ่งที่คนข้ามเพศแต่ละคนจะต้องรับผิดชอบเอง การไม่สามารถจับจ่ายได้จึงกลายเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดต่อการข้ามเพศ โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่ไม่มีอำนาจทางเศรษฐกิจโดยตรง
.
เพราะการข้ามเพศเป็นสิ่งจำเป็น
ดังนั้น จึงควรเป็นสวัสดิการจากรัฐ