- Published Date: 01/10/2019
- by: UNDP
ถอดบทเรียนจากแคว้นบาสก์: การสร้างแพลตฟอร์มนวัตกรรมสังคมในพื้นที่ขัดแย้งเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ถอดบทเรียนแคว้นบาสก์ : การสร้างนวัตกรรมสังคมในพื้นที่ขัดแย้งจาก ‘Gorka Espiau’ ผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมสังคมที่เชื่อว่า ‘ความขัดแย้งลดลงได้หากเราเชื่อมั่น’
“คำถามสำคัญสำหรับการทำงานในพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง คือ คุณคิดว่าการเปลี่ยนแปลงมันเกิดขึ้นได้ไหม ?”
‘Gorka Espiau’ คือผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมสังคม ซึ่งเป็นนักวิชาการอาวุโส จากศูนย์การศึกษาสังคมและการเมือง (The Agirre Lehendakaria Center : ALC) ที่มีความเชื่อว่า ‘ความขัดแย้ง’ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ ของโลกใบนี้สามารถลดลงได้ หากพวกเราช่วยกันทั้งกำลังคนและนวัตกรรม พร้อมระลึกอยู่เสมอว่า การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้จริง ครั้งนี้เขามาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในงานสัมมนาที่ TCDC กรุงเทพฯ ในวันที่ 20 กันยายน 2562 ซึ่งจัดโดย UNDP ประเทศไทย “การสร้างแพลตฟอร์มนวัตกรรมสังคมในพื้นที่ขัดแย้ง : กรณีศึกษาจากแคว้นบาสก์”
แคว้นบาสก์ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศสเปน เป็นเมืองที่เคยมีความขัดแย้งอย่างรุนแรงมาก่อน มีกลุ่มชาตินิยมแคว้นบาสก์ซึ่งมีเป้าหมายสูงสุดทางการเมืองคือการได้รับเอกราช และการก่อตั้งเป็นประเทศบาสก์ ความรุนแรงระหว่างกลุ่มคนที่คิดต่างกันก็ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ มีการใช้อาวุธ และปัญหายาเสพติด ค่า GDP ก็ต่ำกว่ามาตรฐานที่ EU กำหนด ทำให้ภาพลักษณ์ของแคว้นบาสก์แย่ลงไปทุกวัน จนส่งผลให้ในยุค 1980 เศรษฐกิจของแคว้นบาสก์ล่มสลาย อัตราการว่างงานสูงเป็นประวัติการณ์
นับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1980 เป็นต้นมาแคว้นบาสก์เริ่มต้นพลิกฟื้นประเทศด้วยการสร้างพิพิธภัณฑ์ ‘Guggenheim’ ในเมืองบิลเบา โดย Frank Gehry สถาปนิกชาวแคนาดา ซึ่งนับเป็นสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงของแคว้นบาสก์
หลังจากนั้น แคว้นบาสก์เริ่มให้ความสนใจกับการเปลี่ยนแปลง และการลดความขัดแย้งอย่างจริงจัง โดยแคว้นบาสก์ไม่ได้ใช้กระบวนการนวัตกรรมเพื่อพัฒนาเมืองหลังจากความขัดแย้งหมดไป แต่พวกเขาใช้นวัตกรรมทางสังคมเป็นเครื่องมือในการพัฒนาเมืองและสร้างสันติภาพไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งนวัตกรรมทางสังคมในที่นี้ ปกติหลายคนอาจนึกถึงเทคโนโลยี แต่จริงๆ แล้วมันหมายถึง กระบวนการหรือวิธีการใหม่ ๆ ที่ทำให้เราสามารถแก้ไขปัญหาเดิมได้อย่างสันติ
วิธีการที่ว่า Gorka Espiau สรุปให้ฟังอย่างเข้าใจง่าย ๆ ว่า การทำงานในพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง คำถามหรือหัวใจสำคัญคือ
“ทุกคนคิดว่า การเปลี่ยนแปลงสามารถเกิดขึ้นได้ไหม เพราะไม่ว่าจะในสถานการณ์ที่แย่แค่ไหน แต่ถ้าคนในพื้นที่เชื่อว่า มันสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ มันก็จะมีหนทาง”
จากการถอดบทเรียนการพัฒนาในแคว้นบาสก์ การสร้างแพลตฟอร์มนวัตกรรมสังคมในพื้นที่ขัดแย้งมีวิธีการอยู่ด้วยกัน 5 ระดับ ได้แก่
1. การมีส่วนร่วมชองชุมชน (Community Action)
2. การสร้างโปรเจกต์ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง (Small / Medium Scale Projects)
3. การสร้างโปรเจกต์ขนาดใหญ่ (Large Scale Projects) ที่เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน
4. สร้างการบริการภาครัฐใหม่ๆ (New Services)
5. สร้างให้เกิดกฎระเบียบ หรือข้อบังคับใหม่ๆ (New Regulations)
ซึ่งทั้ง 5 ระดับเหล่านั้น ต้องทำงานอย่างสัมพันธ์และเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกัน ผ่านสิ่งที่เรียกว่า ‘การฟัง’ (Listening) โดยต้องสร้างกระบวนการฟังให้เกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง เช่น จัดพื้นที่สร้างสรรค์ร่วมกัน เพื่อให้บอกเล่าโอกาสและปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น มองหาหนทางสร้างการเปลี่ยนแปลง ทำความเข้าใจว่าโอกาสคืออะไร ผ่านการพูดคุย สังเกต เพราะแค่เราเริ่มถามและฟัง ก็สร้างความเข้าใจได้ หรืออาจให้ผู้ที่เห็นต่างกันมาพูดคุย เพื่อหาแรงจูงใจในการทำ (Senses Making) เพื่อดูว่าคนแต่ละคนให้คุณค่ากับอะไร อะไรที่ทำให้เขาทำแบบนั้น หรือเขามีความเชื่ออะไร จากนั้นให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องมาทำงานร่วมกัน (Co-Creation) เพื่อวิเคราะห์ปัญหา สร้างความเข้าใจกับผู้คน ทำแผนที่ประกอบ และสร้างการเรียนรู้ ตามมาด้วยการคิดนวัตกรรม ไอเดีย หรือวิธีการใหม่ๆ จากความต้องการของคนในพื้นที่ ทำต้นแบบทดลองที่เชื่อมโยงกัน (Prototype of Interconnected Projects) เพื่อทำการทดลองกระบวนการร่วมกัน จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบ (Scale) ที่ไม่ใช่การยกระดับโครงการเท่านั้น แต่ต้องยกระดับทั้งกระบวนการนั่นเอง
การเปลี่ยนแปลงในแคว้นบาสก์เกิดขึ้นจากการกระทำที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การฟื้นฟูภาษาบาสก์ ซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นที่กำลังจะสูญพันธ์ เพราะภาษาคือรากฐานแห่งวัฒนธรรมทั้งหมด ถัดมาคือการให้ความสำคัญกับอาหาร เพราะลึกๆ แล้วชาวบาสก์อยากชูวัตถุดิบท้องถิ่นตัวเองให้โดดเด่น จึงสร้างอุตสาหกรรมอาหารด้วยการผสมผสานเทคนิกของชาวฝรั่งเศส แล้วเปิดร้านอาหารและโรงเรียนสอนทำอาหาร ผู้ที่เรียนจบยังสามารถทำงานได้ที่ร้านอาหารได้เลย ปัจจุบัน อาหารของบาสก์มีชื่อเสียงโด่งดัง โดยเฉพาะเมนูยอดฮิตอย่าง พินโชส์ (Pintxos) หรือทาปาส (Tapas) และยังเป็นเมืองที่มีร้านอาหารที่ได้ดาวมิชลินต่อตารางเมตรมากที่สุดในโลกอีกด้วย
ต่อมาคือการเสริมพลังให้ภาคแรงงาน เพราะเมื่อเศรษฐกิจล่ม แน่นอนว่าเหล่าแรงงานต้องได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน มีการก่อตั้ง Mondragon หรือสหพันธ์สหกรณ์คนทำงาน เพื่อส่งเสริมกลุ่มแรงงาน ปรับนโยบายความเท่าเทียมด้านรายได้ ขยายท่าเรือ สร้างรถไฟใต้ดิน ปรับปรุงถนน และทางรถไฟ สร้างท่าอากาศยานแห่งใหม่ เพื่อเชื่อมต่อกับภายนอก และดึงดูดการลงทุนในพื้นที่ อะไรเหล่านั้นส่งต่อให้เกิดการจ้างงานเพิ่มมากขึ้น รวมถึงยังให้ความสำคัญกับแรงงานผู้พิการ สร้างกระบวนการทำงานที่เอื้อกับพวกเขา จัดฝึกอบรมให้มีทักษะเป็นไปตามที่ตลาดต้องการ เพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ นอกจากนี้ แคว้นบาสก์ยังส่งเสริมด้านการศึกษาอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความรู้ และสร้างเสริมความแข็งแรงให้กับเยาวชน ยังมีวิธีการอื่นอีกหลากหลายข้อที่ดึงเอากระบวนการนวัตกรรมทางสังคมเข้ามาช่วยพัฒนาพื้นที่ซึ่งส่งผลให้ความขัดแย้งลดลงอย่างเห็นได้ชัด
แคว้นบาสก์แสดงให้เห็นแล้วว่า การจะสร้างสันติภาพและการพัฒนานั้น ไม่จำเป็นต้องรอให้ความขัดแย้งหมดไปเสียก่อน เพราะสามารถทำควบคู่ไปพร้อมกับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำได้ รวมทั้งบาสก์ยังสร้างความเข้าใจให้ชาวเมืองมองเห็นภาพเดียวกัน เพื่อจับมือเดินไปยังจุดหมายอย่างมุ่งมั่น จนในที่สุดแคว้นบาสก์จึงเปลี่ยนจากภาพลักษณ์ลบเป็นบวก จนได้รับความสนใจจากนานาประเทศ
การใช้นวัตกรรมทางสังคมสร้างการเปลี่ยนแปลงไปพร้อมๆ กับแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เรากล่าวไปข้างต้น ทำให้ทุกวันนี้ แคว้นบาสก์กลายเป็นผู้นำทั้งด้านสุขภาวะและการศึกษา ค่า GDP เพิ่มสูงขึ้น มีการส่งออกสินค้ามากถึง 75% และประชาชนชาวบาสก์ยังมีรายได้ต่อหัวสูงเป็นอันดับต้นๆ ในยุโรปอีกด้วย