- Published Date: 23/11/2021
- by: UNDP
ถึงข้ามเพศก็เป็นนักกีฬาได้
“ผมชอบเตะบอลมาตั้งแต่สมัยมัธยม ทุกคนต้องเห็นผมที่สนามบอลตลอด ไม่ชอบอยู่อย่างเดียวคือการที่ต้องระวังกระโปรงเปิด จริง ๆ ผมก็เคยใส่กางเกงเล่นนะ แต่ชอบโดนครูดุว่า ‘มันไม่งาม’ เพราะ ‘เธอเป็นเด็กผู้หญิง’ มาตลอด ทั้งที่ผมก็ไม่เคยบอกใครนะว่าผมเป็นผู้หญิง” บีม (นามสมมติ) ชายข้ามเพศอายุ 22 ปัจจุบันทำงานเป็นกราฟิกดีไซน์ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เล่าประสบการณ์การเป็น ‘คนข้ามเพศ’ กับการ ‘เล่นกีฬา’ ให้เราฟัง แม้บีมมีคำนำหน้าเป็น ‘เด็กหญิง’ แต่เขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิง และได้นิยามตนว่าเป็น ‘คนข้ามเพศ’ หลังจากจบมัธยมต้น “ผมคิดมาตลอดว่าผมเป็นผู้ชาย” บีมกล่าว
.
ดังนั้นแล้ว ในสัปดาห์แห่งการรับรู้ตัวตนคนข้ามเพศ (Transgender Awareness Week) เพจ GendersMatter ร่วมกันกับ UNDP Thailand จะขอพาทุกท่านไปทำความเข้าใจเรื่องอุปสรรคของนักกีฬาเยาวชนข้ามเพศ ภายใต้หัวข้อ “เยาวชนคนข้ามเพศ” กับ “การเป็นนักกีฬา” เพื่อช่วยขจัดความเข้าใจผิดต่อคนข้ามเพศที่ยังคงมีอยู่ในสังคม
.
#เพศกับการเล่นกีฬา – ‘ผู้ชายเตะบอล ผู้หญิงโดดยาง ‘กะเทย’ เล่นวอลเลย์’ คงเป็นภาพจำที่ปรากฏขึ้นเมื่อเรานึกถึง ‘กีฬา’ กับ ‘เพศ’ ของผู้เล่น สิ่งนี้ล้วนเป็นสิ่งประกอบสร้างที่สังคมผลิตซ้ำมาเป็นเวลานาน และคอยกำหนดกฎเกณฑ์ในการเล่นกีฬา ทั้งที่จริงแล้วสิ่งที่กำหนดควรมีแค่ ‘ความชอบ’ และ ‘ความถนัด’ ของผู้เล่นเท่านั้น
.
“จริง ๆ ผมไม่เห็นด้วยกับการแบ่งกีฬาด้วยเพศเลย ฟุตบอลใคร ๆ ก็เล่นได้ เวลาเล่นแถวบ้านในทีมก็มีทุกเพศ เวลาเรียนพละเพื่อนผู้หญิงเขาก็ดูสนุกนะ แต่ถ้าไปเล่นนอกเวลาเรียนก็มักโดนครูบางท่านดุว่าไม่สมควร ยิ่งใครใส่กระโปรงแล้วเตะบอลสูง ๆ ก็จะโดนเพ่งเล็งเป็นพิเศษ ผมก็โดนเหมือนกันแหละ แต่ไม่สนใจหรอก แต่มันก็มีบางคนที่เก็บไปคิดและเลิกเล่นบอลไปเลย” บีมเสริม
.
แม้บีมจะเชื่อว่า ‘กีฬาไม่เกี่ยวกับเพศ’ และยังคงสนุกกับการเล่นบอลกับเพื่อน ๆ ตลอดจนจบการศึกษา แต่เขาก็ได้เล่าถึงปมในใจ ที่ทำให้เขาไม่ได้เดินตามเส้นทางนักกีฬาฟุตบอลอาชีพ เพียงเพราะการแข่งขันกีฬาในระดับโรงเรียนกีดกันไม่ให้เขาได้ลงแข่งเพราะ ‘เพศกำเนิด’ จัดให้เขาเป็น ‘นักกีฬาหญิง’ และไม่มีทีมให้เขาแข่ง “โรงเรียนบีมเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก เวลามีกีฬาสีทีมฟุตบอลก็มีแต่ทีมชาย เพื่อนผมที่เตะบอลด้วยกันก็ได้เป็นนักกีฬาแข่งทั้งนั้น มีผมคนเดียวที่ต้องไปทำอย่างอื่น ไม่ไปแข่งวิ่ง ก็ไปทำแสตนด์ บางปีก็เป็นสวัสดิการ”
.
#นักกีฬาข้ามเพศ – ตั้งแต่ปี 2004 คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (International Olympic Committee IOC) อนุญาตให้บุคคลข้ามเพศเข้าแข่งกีฬาตามเพศสภาพ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายข้ามเพศ (transwoman) ลงแข่งในทีม ‘นักกีฬาชาย’ หรือผู้หญิงข้ามเพศ (transwoman) แข่งในทีม ‘นักกีฬาหญิง’ หากแต่ต้องมีการระบุตัวตนเป็นคนข้ามเพศมากกว่า 4 ปี และมีค่าฮอร์โมนเพศตามที่เกณฑ์กำหนด เราจึงได้เห็น ‘นักกีฬาข้ามเพศ’ อย่างลอเรล เข้าแข่งขันในมหกรรมโอลิมปิกที่ผ่านมา
.
อย่างไรก็ดี ประเด็นเรื่องคนข้ามเพศกับการแข่งกีฬา ยังเป็นคงเป็นประเด็นถกเถียงในวงกว้าง โดยเฉพาะกรณีผู้หญิงข้ามเพศ อันเกิดจากความเชื่อที่ว่า ‘ผู้ชายแข็งแรงกว่าผู้หญิง’ ต่อให้ข้ามเพศก็ยังได้เปรียบผู้หญิงอยู่ดี ทั้งที่ในความเป็นจริง จะมีนักกีฬาข้ามเพศหญิง เช่น ลอเรลที่ ‘แพ้’ นักกีฬาเพศกำเนิดหญิงในการแข่งขัน รวมถึง Manuel Patricio นักมวยชายข้ามเพศที่ ‘ชนะ’ การแข่งขันต่อยมวยกับนักกีฬาเพศกำเนิดชายมาแล้วก็ตาม
.
#กีฬากีฬาเป็นยาวิเศษ – งานวิจัยหลายสำนักเห็นตรงกันว่า ‘กีฬา’ มีส่วนช่วยเสริมพัฒนาการเด็กทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ รวมถึงทักษะการเข้าสังคม การทำงานเป็นทีม และการเรียนรู้น้ำใจนักกีฬาด้วย ดังนั้นแล้ว ความสนุก ความปลอดภัย และพัฒนาการของเด็กจึงควรเป็นปัจจัยหลักในการคำนึงเรื่องการเล่นกีฬาของเด็ก มากกว่าจะให้ ‘เพศ’ มาเป็นกรอบกำหนดหลักที่กีดกันเด็กหลายคนจากการเล่นกีฬาและการแข่งขัน เพียงเพราะกีฬาที่เล่น ไม่ได้เป็นกีฬาที่เหมาะสำหรับเพศของพวกเขา
.
#ความหวังของคนข้ามเพศกับการแข่งกีฬา – ปัจจุบันบีมยังชอบเล่นฟุตบอลเหมือนเดิมกับเพื่อนมัธยมกลุ่มเดิม สิ่งที่เปลี่ยนไปคือบีมได้เข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศเมื่อ 3 ปีที่แล้ว และกีฬาฟุตบอลที่กลายเป็นเพียง ‘งานอดิเรก’ เท่านั้น “บีมไม่นอยด์เรื่องการแข่งขันแล้ว เพราะทุกวันนี้ก็เล่นขำ ๆ เพราะอยากเจอเพื่อนด้วย แต่ก็หวังว่าจะได้ลงแข่งกับเค้าบ้าง เป็นแค่มือสมัครเล่นในงานเล็ก ๆ ก็ยังดี ไม่รู้ว่าเขาจะยังแบ่งเพศอยู่ไหม แต่ตอนนี้เราข้ามเพศเต็มตัวแล้ว ก็หวังว่าเราจะลงแข่งได้นะ”
.
บีมยังเสริมอีกว่า ข่าวนักกีฬาข้ามเพศลงแข่งโอลิมปิกช่วยสร้างความหวังในการเป็นนักกีฬาให้เขา แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เคยเห็นคอมเม้นต์ ‘ต่อต้าน’ กฎดังกล่าวของเพื่อนบางคน ที่ทำให้เขาคิดมากและน้อยใจอยู่บ้าง แต่เขาก็เชื่อมั่นว่าในอนาคต เพื่อนและคนส่วนใหญ่ในสังคมจะเปลี่ยนความคิด และกฎเกณฑ์ดังกล่าว ทั้งในการแข่งขันระดับโลกไปจนถึงระดับโรงเรียน จะมีการปรับเสริมบางส่วนให้การแข่งขันเป็นไปเพื่อความ ‘ยุติธรรม’ และ ‘เท่าเทียม’ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังอีกต่อไป เพื่อเด็ก ๆ ที่เป็นเหมือนเขา จะได้สนุกกับการเล่นกีฬา และสามารถทำตามความฝันบนเส้นทางกีฬาได้ตามต้องการ
.
เพราะกีฬา
ไม่เลือกเพศ
.