EUNOIA
สังคมผู้สูงอายุนั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทั่วโลกจะต้องเผชิญ ประเทศไทยเองก็เช่นกัน รายงานจากสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า 17% ของประชากรไทยนั้นเป็นผู้สูงอายุ แม้ว่า 85% ของผู้สูงอายุทั้งหมดจะเป็นผู้มีการศึกษา สามารถอ่านออกเขียนได้ แต่ก็ยังมีจำนวนกว่า 61% เป็นผู้สูงอายุที่ไม่มีงานทำ และ 42% นั้นอยู่ได้โดยขึ้นอยู่กับเงินที่ได้รับจากลูกหลาน เกือบ 20% ของผู้สูงอายุกล่าวว่าพวกเขาต้องการงานทำ และหนึ่งในสามระบุว่าเป็นผู้สูงอายุที่มีหนี้ในอายุ 60 ปี ความท้าทายและความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงเสถียรภาพทางการเงินและเครือข่ายทางสังคม ผลกระทบเหล่านี้ส่งผลเชิงลบกับเกียรติยศ ความสามารถในการมีชีวิตอยู่อย่างอิสระ และนำสู่การกีดกันออกจากสังคม จากรายงานของดีแทค ระบุว่า 56% ของผู้สูงวัยนั้นสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต รายงานผู้ใช้เฟซบุ้คระบุว่า “มีผู้สูงวัยชาวไทยจำนวนน้อยเท่านั้นที่ไม่มีบัญชีเฟซบุ้ค” ดังนั้น เพื่อสนับสนุนผู้สูงอายุชาวไทยให้มีชีวิตที่ดีขึ้นและเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในสังคมได้ เราจึงตั้งเป้าหมายที่จะนำเสนอแพลตฟอร์มทั้งแบบเจอหน้าในโลกจริงและการปฏิสัมพันธ์ในโลกออนไลน์ ที่ผู้สูงอายุสามารถสร้างรายได้เพิ่มเติมด้วยการแบ่งผันทักษะ ความรู้ และประสบการณ์
แพลตฟอร์มสำหรับแชร์ความรู้ของเรานั้นใช้งานได้บนอุปกรณ์สมาร์ทโฟนและเว็บไซต์ที่จะนำเสนอประโยชน์ที่ได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย อย่างแรกคือ ประโยชน์ที่เกิดขึ้นโดยตรงกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ไม่ใช่แค่เพียงโอกาสในการได้รายได้เพิ่มเติมเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและลดการพึ่งพาอาศัยรายได้จากสมาชิกลูกหลานในครอบครัว แพลตฟอร์มยังช่วยทำให้สุขภาพของผู้สูงอายุนั้นแข็งแรงและแอ็คทีฟอยู่เสมอ เพราะเป็นพื้นที่ที่ให้พวกเขาได้แสดงความสามารถและทำในสิ่งที่รัก ผู้สูงอายุจะได้รู้สึกถึงคุณค่าในตัวเองและรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับสังคม นี่จะเป็นการรักษาความสามารถทางกายภาพและจิตใจ ต่อมาคือ พวกเขาจะมีรายได้จากทักษะที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม ส่งต่อความรู้ข้ามเจนเนอเรชันและปกป้องความฉลาดและวัฒนธรรมเอาไว้ ผู้สูงอายุสามารถสร้างประโยชน์ที่มีศักยภาพต่อคนรุ่นหลังด้วยการส่งต่อประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และการแนะแนวในหลายมุมมอง ทักษะที่มีติดตัวมาทั้งชีวิต ความรู้ ปัญญาอันมีคุณค่า พวกเขาสามารถเผยแพร่ความรู้ความสามารถให้กับสังคม สุดท้ายคือ แพลตฟอร์มนี้จะช่วยลดภาระด้านการเงินให้กับประเทศ สังคมผู้สูงอายุนั้นถูกคาดการณ์ว่าจะทำให้รัฐบาลจะต้องจัดสรรงบประมาณมารองรับ โดยเฉพาะกับเรื่องของรายจ่ายภาครัฐ และการใช้จ่ายสาธารณถอย่างเช่น ค่าบำนาญ ระบบดูแลสุขภาพแห่งชาติ และบริการการดูแลในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ถ้าหากผู้สูงอายุมีการตระหนักถึงเรื่องสุขภาพตามอายุ ไม่ใช่แค่มีบทบาทในฐานะทุนมนุษย์เท่านั้น แต่รัฐบาลเองจะต้องมีความสามารถในการประหยัดงบประมาณทั้งบริการสำหรับสุขภาพกายและสุขภาพจิตและจัดสรรปันส่วนเพื่อพัฒนาประเทศในด้านอื่นๆ อีกด้วย