- Published Date: 17/02/2019
- by: UNDP
Seeds Journey การเดินทางของเมล็ดพันธุ์
จะทำอย่างไรเมื่อองค์ความรู้เรื่องการกินอาหารตามฤดูกาล การบริโภคแบบดั้งเดิม รวมถึงการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์อย่างถูกต้องนั้นอาจหายไปตามกาลเวลาหากคนรุ่นใหม่ไม่ให้ความสำคัญ?
กัลยา เชอมื่อ ชนเผ่าอาข่า และ ยุทธภัณฑ์ พิพัฒน์มงคลกุล คนรุ่นใหม่ชาวปกาเกอะญอจากภาคเหนือเริ่มมองเห็นปัญหานี้ ทั้งสองคนเป็นคนรุ่นใหม่ที่ต้องเข้ามาเรียนต่อในเมือง (เชียงใหม่) การห่างออกจากบ้านทำให้ต้องเปลี่ยนรูปแบบการกินแบบท้องถิ่นที่ถูกสั่งสอนมาตั้งแต่เด็ก ให้เป็นกินเน้นสะดวกสบาย ทำให้เกิดรอยต่อในการส่งต่อความรู้เรื่องการกินตามฤดูกาล ที่ครั้งหนึ่งเคยเรียนรู้ได้จากคุณตาคุณยาย การขาดหายไประหว่างรุ่นสู่รุ่นนี้ทำให้วัฒนธรรมอาหารที่ดีนั้นเลือนหาย วัฒนธรรมการกินตามฤดูกาลที่มากด้วยประโยชน์ เพราะเป็นรูปแบบการกินที่ทำให้สุขภาพดีและยังคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอย่างครบวงจร
กัลยาและยุทธภัณฑ์จึงตัดสินใจเริ่มต้นศึกษาจากจุดเริ่มต้น นั่นคือเริ่มที่เรื่องเมล็ดพันธุ์ดั้งเดิม โดยทำงานร่วมกับศูนย์ศึกษาชาติพันธุ์และการพัฒนา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการบันทึกเก็บข้อมูลเมล็ดพันธุ์และทำงานกับเกษตรกร เมื่อเป้าหมายแรกสำเร็จ ทั้งคู่จึงต้องการต่อยอดเป้าหมายสู่การมุ่งเน้นการสร้างองค์ความรู้ เป็นตัวกลางเชื่อมโยงคนรุ่นเก่าเข้ากับคนรุ่นใหม่ เพราะผู้เฒ่าในหมู่บ้านนั้นคือคนที่รู้ดีที่สุดว่าอาหารแต่ละชนิดนั้นกินอย่างไร เก็บอย่างไร และต่อยอดได้ด้วยการนำคนรุ่นใหม่เข้าไปเรียนรู้ในชุมชน
เพราะรู้ดีว่าเมล็ดพันธุ์คือสิ่งที่สร้างความหลากหลายให้กับอาหารการกิน ในขณะที่ชาวบ้านยังคงปลูกและทำการเกษตรด้วยวิถีเดิม คนรุ่นหลังเข้าไปเพิ่มศักยภาพและส่งต่อความรู้ด้วยการสร้างเครื่องมือที่ช่วยระบบจัดการ ขนส่งผักพื้นบ้าน โดยทำงานร่วมกับโรงพยาบาล โรงเรียน ร้านอาหารต่างๆ ในชุมชน ขนส่งผักจากไร่นามาโดยตรง ต่อมาจึงได้มีการเปิดโอกาสให้เชฟจากร้านอาหารและบุคลากรจากโรงแรมต่างๆ ได้เข้ามาศึกษาและลองคิดค้น ทำเมนูจากผักพื้นบ้าน เรียนรู้การกินอาหารตามฤดูกาล ตามการเติบโตของผักพื้นบ้านแต่ละฤดู
Seed Journey เป็นหนึ่งในทีมที่ผ่านการคัดเลือกเข้าโครงการ Youth Co:lab 2018 และคว้ารางวัลชนะเลิศมาครอบครอง หลังจากได้รางวัลและเข้าร่วมเวิร์กช็อปเพื่อพัฒนาโปรเจ็กต์เพิ่มเติม สิ่งสำคัญที่ทั้งสองคนได้เรียนรู้คือเรื่องการเข้าศึกษาลงพื้นที่ จากการคิดคำนึงถึงเป้าหมายของโครงการเพียงอย่างเดียว จึงได้มีการขยายเป้าหมายเป็นการสร้างประโยชน์ให้กับชาวบ้านในชุมชนด้วย เริ่มจากการเปิดรับฟังความคิดเห็นให้มากขึ้น ทำให้จากในช่วงแรกที่กำหนดเป็นกิจกรรมตามฤดูกาลตลอดทั้งปี ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับชุมชนให้มากขึ้น กิจกรรมตามฤดูกาลจึงถูกแบ่งเวลาเป็นทั้งปี อย่างเช่น เกิดเป็นกิจกรรมการแปรรูปหน่อไม้แห้งและผักกาดแห้ง เพื่อให้ผลิตได้ทันกับต้องการของร้านอาหารในชุมชน
อีกเรื่องที่เรียนรู้คือการกำหนดกลุ่มเป้าหมายใหม่ จากเดิมที่คิดว่าโครงการมีกลุ่มเป้าหมายคือคนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่หลังจากลงพื้นที่จึงได้เข้าใจว่า กลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงคือชาวบ้านในพื้นที่ คนเฒ่าคนแก่ เพราะเป็นกลุ่มคนมีความเข้าใจลักษณะการกินตามฤดูกาลเป็นทุนเดิม เมื่อมีโครงการนี้เกิดขึ้นจึงเป็นการจุดประกายไอเดียให้กับชาวบ้าน เจ้าของร้านอาหารที่เห็นความสำคัญของวัตถุดิบและยินดีที่จะนำมาเป็นส่วนหนึ่งในเมนูอาหาร รวมถึงเจ้าของโรงแรมที่เข้าใจและเสนอความร่วมมือด้วยการเปิดพื้นที่ให้นอนเป็นโฮมสเตย์เพื่อสนับสนุนสถานที่สำหรับการจัดเวิร์กช็อปให้ความรู้ หลังจากนี้ Seed Journey จึงมุ่งเน้นการทำกิจกรรมให้เป็นต้นแบบ เก็บข้อมูล รวบรวมองค์ความรู้ สื่อสารกับชุมชนในแต่ละพื้นที่ให้เกิดความเข้าใจอย่างถูกต้อง โดยในปี 2019 Seed Journey เริ่มจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากชุมชนและยังคงมุ่งมั่นส่งต่อความรู้ สร้างความเข้าใจเรื่องการกินตามฤดูกาลผ่านโครงการนี้ต่อไป
ติดตามการเดินทางของเมล็ดพันธุ์และกิจกรรมของ Seed Journey ได้ที่ https://www.facebook.com/seedsjourney/