- Published Date: 12/08/2020
- by: UNDP
โควิด-19 และสุขภาพจิต: มิติด้านสุขภาพที่เยาวชนต้องการการสนับสนุน
โควิด-19 และสุขภาพจิต: มิติด้านสุขภาพที่เยาวชนต้องการการสนับสนุน
ผลกระทบทางสุขภาพจากโควิด-19 ไม่ได้มีเพียงแค่ผลกระทบทางสุขภาพกายที่ผู้สูงอายุต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อสุขภาพจิต ซึ่งเด็กและเยาวชนถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่สุดกลุ่มหนึ่ง
การสำรวจเรื่องผลกระทบโควิด-19 ต่อเด็กและเยาวชนที่จัดทำโดยสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย UNICEF UNDP และ UNFPA ที่มีผู้ร่วมทำแบบสอบถามกว่าหกพันรายพบว่า เด็กและเยาวชนกว่า 7 ใน 10 ได้รับผลกระทบทางสภาพจิตใจจากโควิด-19 โดยพวกเขามีความเครียด วิตกกังวลและเบื่อหน่าย โดยความกังวล 3 อันดับแรก คือ การเงินของครอบครัว การศึกษา และการติดไวรัส ตามลำดับ
ความเครียดความกังวลของพวกเขามีลักษณะเฉพาะอย่างไร ทางออกของพวกเขาอยู่ตรงไหน ร่วมสำรวจจิตใจเยาวชนไปด้วยกัน
เรื่องเงินเรื่องใหญ่
ปัญหาเศรษฐกิจได้ส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงปัญหาสุขภาพจิตใจของเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะในกลุ่มที่ผู้ปกครองมีรายได้น้อยและกลุ่มที่ต้องทำงานสนับสนุนด้านการเงินตัวเอง
เพราะเศรษฐกิจเป็นหนึ่งในปัจจัยพื้นฐาน เมื่อเศรษฐกิจมีปัญหาจึงทำให้ความกังวลในด้านอื่นๆ ตามมาด้วย เช่น ความกังวลเกี่ยวกับปากท้องในชีวิตประจำวัน โอกาสทางการศึกษา การเข้าถึงเทคโนโลยีการเรียนการสอนที่มีแนวโน้มว่าจะหันมาเป็นออนไลน์ยิ่งขึ้นทำให้เด็กกลุ่มนี้อาจเข้าไม่ถึงเท่าที่ควร ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจยังสืบเนื่องต่อไปถึงความสามารถในการสรรหากิจกรรมทางเลือกสำหรับพัฒนาศักยภาพและค้นหาตัวตนของเด็กและเยาวชนภายใต้ข้อจำกัดด้านพื้นที่ ซึ่งอาจส่งผลต่อทักษะการเข้าสังคมและทางอารมณ์ได้อีกด้วยไม่เพียงเท่านี้ ความไม่มั่นคงทางการเงินยังอาจนำมาซึ่งการตกงานของผู้ปกครองที่แบกรับความเครียดและไม่ได้ออกไปไหน สถานการณ์ที่บังคับให้ทุกคนต้องอยู่ร่วมชายคาเดียวกันแทบตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ลูกมีโอกาสซึมซับรับความเครียดนั้นมาด้วยหากพ่อแม่จัดการกับความเครียดได้ไม่ดีพอ
อยู่แต่บ้านสร้างกังวล
หลายความเห็นสะท้อนผ่านแบบสอบถามว่าการอยู่บ้านทำให้รู้สึกเบื่อ บั่นทอน และเครียด โดยอาการเหล่านั้นมาจากหลายสาเหตุ
การใช้เวลาอยู่ในบ้านกับสมาชิกครอบครัวนานขึ้นเป็นหนึ่งในนั้น เด็กและเยาวชนบางรายรู้สึกกดดันเพราะรู้สึกถูกตรวจสอบ ถูกจ้องมองอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่สามารถแสดงออกตัวตนของตัวเองได้อย่างเต็มที่ โดยแบบสำรวจสะท้อนให้เห็นว่าร้อยละ 4 ของเยาวชนที่ตอบแบบสอบถามกังวลเรื่องเพศสภาพที่ถูกกดดันมากขึ้นเพราะไม่สามารถแสดงอัตลักษณ์ต่อหน้าครอบครัว และเข้าถึงฮอร์โมนที่ตนเองรับอย่างต่อเนื่องได้ลำบากขึ้น
ในทางตรงกันข้าม เยาวชนบางคนมีความกังวลเพิ่มขึ้นจากการที่สมาชิกในครอบครัวยังคงต้องออกไปทำงานหรือไปธุระข้างนอก เพราะกลัวว่าจะนำโควิด-19 กลับมาที่บ้านด้วย
อีกหนึ่งประเด็นหลักที่สร้างผลลบต่อสุขภาพจิตจากการอยู่บ้านเป็นเวลานานคือความเครียดจากการเสพข่าว ในช่วงโควิดระบาดหนักเนื้อหาจากสื่อในแทบทุกแพลตฟอร์มล้วนนำเสนอประเด็นเกี่ยวกับโควิด-19 โดยมีทั้งข่าวจริงและข่าวเท็จ
ลำพังการรับรู้ข้อมูลโรคระบาดอย่างต่อเนื่องก็ส่งผลต่อจิตใจได้แล้ว แต่มากไปกว่านั้นคือเยาวชนกลุ่มหนึ่งสะท้อนใกล้เคียงกันว่าได้รับข่าวหรือข้อมูลตามกรุ๊ปไลน์ที่ส่งมาจากญาติผู้ใหญ่ หลาย ๆ ครั้งเป็นข่าวปลอมที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แต่อย่างใด
นอกจากนี้ สิ่งที่ผู้ตอบแบบสอบถามหลายคนแสดงความกังวลและตั้งคำถามคือประเด็นเรื่องความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการจัดการ แก้ปัญหา และเยียวยาผลกระทบของรัฐบาล
การศึกษาที่พร่ามัว
เพราะการศึกษาคือเรื่องใหญ่ของเด็กและเยาวชน ช่วงโควิด-19 ระบาดหนักตรงกับช่วงปิดภาคเรียนพอดี แต่กว่าที่จะรู้ว่าวันเปิดเทอมและแผนการต่างๆ เกี่ยวกับการศึกษา เยาวชนหลายคนก็อดที่จะกังวลไม่ได้
บางความคิดเห็นสะท้อนว่า แม้จะอยู่บ้านก็เรียนได้ผ่านช่องทางออนไลน์ แต่แผนหลาย ๆ อย่างก็ไม่เป็นไปตามที่ได้วางไว้ โดยเฉพาะเด็กที่กำลังจะจบมัธยมและจะเข้าศึกษาต่อระดับชั้นอุดมศึกษา พวกเขากังวลว่านี่อาจนำไปสู่การเสียโอกาสในระยะยาว
ส่วนกลุ่มนักเรียนที่ใกล้จบการศึกษาในระดับชั้นมหาวิทยาลัยมีความกังวลว่าโปรแกรมการฝึกงานอาจยกเลิกในหลายที่ ซึ่งก็จะส่งผลให้พวกเขาขาดประสบการณ์การทำงานก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงานและอาจหางานไม่ได้ในที่สุด
เมื่อจิตใจต้องการที่พึ่ง
ในสถานการณ์เช่นนี้สิ่งที่แต่ละคนต้องเผชิญอาจหนักหนาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แต่กับเยาวชนบางรายที่มีภาวะทางจิตอยู่แล้ว พวกเขากังวลเป็นพิเศษกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น บางรายสะท้อนว่าสถานการณ์เช่นนี้ทำให้พวกเขาเข้าถึงการรักษาหรือการให้คำปรึกษาจากนักวิชาชีพยากขึ้น และบางคนมีความคิดอยากฆ่าตัวตายในช่วงที่ออกไปไหนไม่ได้ด้วย
สอดคล้องกับงานวิจัยชิ้นหนึ่งในประเทศอังกฤษที่จัดทำโดย Youngminds องค์กรที่ทำงานสนับสนุนสุขภาวะทางจิตของเยาวชน งานชิ้นนี้เก็บข้อมูลในช่วงที่ทางการเริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆ โดยเก็บจากเยาวชนกว่าสองพันคนที่มีภาวะสุขภาพจิตอยู่แล้ว ผลการศึกษาพบว่าในช่วงโควิด-19 คนหนุ่มสาวจำนวนมากยังคงต้องการเข้าถึงการรักษา แต่พวกเขากลับเข้าถึงได้น้อยลงหรือเข้าไม่ถึงเลย อีกทั้ง 80% ของกลุ่มเป้าหมายตอบว่าโควิด-19 ทำให้สภาพจิตใจของเขาย่ำแย่ลง
สำหรับเยาวชนไทยที่ตอบแบบสอบถามของยูนิเซฟจำนวนไม่น้อยแสดงความกังวลว่าสถานการณ์ที่เผชิญอยู่อาจพาเขาไปถึงจุดที่เป็นโรคซึมเศร้าได้หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น
นอกจากนี้เยาวชนกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1 ใน 4 ยังตอบว่ามีความสนใจอยากเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดการความเครียดและซึมเศร้าอีกด้วย
ปัญหาด้านสุขภาพจิตในเยาวชนคือเรื่องไม่เล็กและไม่ควรมองข้าม หลายประเทศทั่วโลกตระหนักถึงความสำคัญข้อนี้ดีและมีการออกข้อเรียกร้องให้รัฐบาลหามาตรการและช่องทางช่วยเหลือเยาวชนในเรื่องนี้ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 อย่างรวดเร็วที่สุด
สำหรับในประเทศไทย ความพยายามให้ความช่วยเหลือสนับสนุนในเรื่องนี้มีให้เห็นอยู่บ้าง เช่น ยูนิเซฟร่วมกับมูลนิธิแพธทูเฮลท์ (Path2Health) จัดคลินิกออนไลน์ 24 ชั่วโมง ชื่อ เลิฟแคร์ สเตชั่น www.lovecarestation.com เพื่อให้คำปรึกษาแก่วัยรุ่น หรือรัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการได้จัดทำแอพลิเคชัน HERO เพื่อดูแลสุขภาพจิตนักเรียนช่วงเปิดเทอม หรือกรมสุขภาพจิตร่วมกับสสส.ผลิตรายการ “บ้าน-พลัง-ใจ” ทางช่อง Thai PBS เพื่อส่งเสริมความรู้ด้านสุขภาพจิต เป็นต้น ทั้งนี้การเข้าถึงและความมีประสิทธิภาพของช่องทางเหล่านี้ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไป
อ้างอิง:
https://www.bbc.com/news/education-52721132
https://youngminds.org.uk/about-us/reports/coronavirus-impact-on-young-people-with-mental-health-needs/
https://www.dailynews.co.th/politics/782393
https://www.unicef.org/thailand/press-releases/8-10-youth-worried-about-their-family-income-due-covid-19
รูปภาพอ้างอิง:
https://www.freepik.com/free-photo/young-asian-woman-working-late-using-laptop-desk-living-room-home_5503828.htm#page=1&query=young%20asian%20women%20working%20late&position=39