- Published Date: 26/05/2022
- by: UNDP
การมีส่วนร่วมของเยาวชน: บันได 8 ขั้นสู่การมีส่วนร่วมอย่างมีความหมาย
คุณเคยมีประสบการณ์การมีส่วนร่วมของเยาวชนที่แท้จริงกันหรือไม่?
.
เป็นที่รู้กันว่าทุกวันนี้ เยาวชนถือเป็นกลุ่มที่ได้รับความสนใจและทุกคนต่างกระตือรือร้นที่จะพาเยาวชนมาร่วมสนทนา จัดกิจกรรมสนุก เพื่อส่งเสริมประเด็นต่างๆ สู่อนาคตที่ยั่งยืนของพวกเราทุกคน
.
แต่! จะมีสักกี่คนนะ ที่เข้าใจว่าที่ผ่านมาเรามีการจัดการมีส่วนร่วมของเยาวชนในรูปแบบไหน และแบบไหนคือสิ่งที่ควรทำให้ถึงเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมที่แท้จริงให้กับเยาวชน
.
วันนี้ เรามีคำตอบ ใน “บันไดแห่งการมีส่วนร่วมของเยาวชน” ทั้ง 8 ขั้น ของโรเจอร์ ฮาร์ท ในเอกสาร Children’s Participation: From tokenism to Citizenship จัดทำโดยกองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ
หลังจากรู้จักบันได้ 8 ขั้นนี้แล้ว คอมเม้นกันมาได้นะ ว่าที่ผ่านมา แต่ละคนมีประสบการณ์อยู่ที่ขั้นไหน หรือ อยากมีส่วนร่วมในรูปแบบไหนมากขึ้นหลังจากนี้
มาเริ่มกันที่ ลำดับขั้นต่ำสุดของบันไดกันก่อน
ขั้นที่ 1 – การถูกบงการ: เป็นโครงการหรือกิจกรรมที่ถูกออกแบบและดำเนินการทั้งหมดโดยผู้ใหญ่ เป็นงานที่จัดขึ้นและถูกนำเสนอในลักษณะที่แสร้งว่างานเกิดขึ้นโดยความตั้งใจหรือคำนึงถึงเยาวชน ทั้งที่ความจริงไม่ได้มี เด็กหรือเยาวชนมีบทบาทสำคัญอะไรในงานนั้นที่ตอบโจทย์ตอนประเด็นสำคัญของงานเลย ยกตัวอย่างเช่น การแสดงของของเด็กและเยาวชนที่นำโดยผู้ใหญ่ทั้งหมด เด็กและเยาวชนถือป้ายข้อความทางการเมืองทั้งที่ตัวพวกเขาเองไม่ได้มีความเข้าใจในประเด็นหรือเหตุผลของการกระทำดังกล่าวเลย หรือการลงข่าวเกี่ยวกับ “การลงมือแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากเยาวชน” ในขณะที่ในเนื้อข่าวหรือรายละเอียดของงานที่นำเสนอวิธีการมีส่วนร่วมของเยาวชนในงานดังกล่าว แต่กลับให้ความสำคัญถึงผู้ใหญ่จากหน่วยงานผู้ดำเนินโครงการมากกว่า
ขั้นที่ 2 – การเป็นไม้ประดับ: ในสถานการณ์ที่เด็กและเยาวชนถูกใช้งานให้ช่วยเหลือหรือประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับประเด็นงานดังกล่าวโดยที่พวกเขาไม่ได้มีความเข้าใจในประเด็นดังกล่าวเลย ความแตกต่างของขั้น 2 จากขั้นที่ 1 คือในขั้นนี้ ไม่ได้มีการแสร้งว่างานดังกล่าวถูกจัดขึ้นโดยเยาวชนหรือคำนึงถึงเยาวชนโดยตรง ยกตัวอย่างเช่น เด็กและเยาวชนถูกเชิญไปเข้าร่วมงานหนึ่ง เพื่อทานอาหารและของว่าง ใส่เสื้อที่ทางงานมอบให้ แล้วถ่ายรูป โดยที่พวกเราไม่ได้รู้หรือเข้าใจถึงประเด็นของงานที่เข้าไปร่วมเลย
ขั้นที่ 3 – การทำพอเป็นพิธี: ขั้นนี้เยาวชนได้รับโอกาสให้ส่งเสียง ออกความคิดเห็น โดยที่มีตัวเลือกในการแสดงความเห็นที่น้อยหรือไม่มีตัวเลือกเลยในการมีส่วนร่วมกับประเด็นดังกล่าว พวกเขาแทบไม่มีโอกาสในการเตรียมตัวหรือรวบรวมความคิดเห็นได้อย่างเพียงพอ และเมื่อรับความเห็นไปแล้ว ไม่ได้มีการนำข้อเสนอของเยาวชนไปใข้ต่อในกระบวนการการตัดสินใจ หรือผู้ใหญ่ไม่ได้มีการให้ข้อเสนอแนะกลับแก่กลุ่มเยาวชนผุ้เข้าร่วมเสนอความเห็นในประเด็นดังกล่าว ยกตัวอย่างเช่น ณ งานเสวนางานหนึ่ง ได้มีการเชิญเยาวชนผู้มีชื่อเสียงมาเข้าร่วมหารือกับเยาวชนคนอื่น ๆ เกี่ยวกับประเด็นการพัฒนาประเด็นหนึ่ง แต่ไม่ได้มีการให้ข้อมูลที่มาที่ไปของงานหรือประเด็นในการหารือในครั้งนั้น อีกทั้งไม่ได้มีการอธิบายความสำคัญและบทบาทของเยาวชนผู้แทนที่เข้าร่วมทำให้ไม่สามารถหารือกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และในวันต่อมา สื่อได้ลงข่าวประชาสัมพันธ์งานนี้โดยเน้นไปที่รูปภาพของเยาวชนผู้มีชื่อเสียงเท่านั้น ไม่มีการอธิบายรายละเอียดการมีส่วนร่วมของเยาวชนหรือผลลัพธ์หรือกระบวนการถัดไปจากการมีส่วนร่วมของเยาวชนในครั้งนี้
ขั้นที่ 4 – การมอบหมายและแจ้งให้ทราบก่อน: โดยในขั้นนี้เด็กและเยาวชนถูกมอบหมายให้รับบทบาทเฉพาะในงาน และได้รับการแจ้งเกี่ยวกับรายละเอียดความตั้งใจของโครงการหรือกิจกรรมดังกล่าว ข้อมูลผู้อนุมัติและเหตุผลของเขาที่นำมาสู่การมีส่วนร่วมของเยาวชนในงานนี้ เยาวชนได้รับทบาทสำคัญมากกว่าการเป็นไม้ประดับ ไม่ว่าจะเป็นในลักษณะของหน้าที่ลงมือปฏิบัติในงานร่วม หรือในเชิงสัญลักษณ์ และเยาวชนตัดสินใจอาสาเข้าร่วมด้วยตัวเองหลังจากที่ได้รับแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับงานแล้ว ยกตัวอย่างเช่น เด็กและเยาวชนถูกมอบหมายให้ร่วมนำเสนอผลงานของตัวเองเพื่อเป็นข้อมูลสนับสนุนบทสนทนาในการประชุม หรือ ส่งเสียงสนับสนุนประเด็นสำคัญเพื่อให้ได้รับความสนใจและจูงใจให้ภาคส่วนต่าง ๆ เห็นความสำคัญ-ของประเด็นหรือแนวปฏิบัติดังกล่าวที่กระทบต่อพวกเขา ซึงอาจนำไปสู่การปรับใช้ข้อเสนอดังกล่าวเข้าไปในกระบวนการหารือที่เข้าร่วม
ขั้นที่ 5 – การขอคำปรึกษาจากเยาวชนและแจ้งให้ทราบก่อน: เกิดขึ้นเมื่อเด็กหรือเยาวชนได้รับการขอคำปรึกษา หรือเป็นผู้ให้คำแนะนำแก่ผู้ใหญ่ ซึ่งเยาวชนรู้ว่าข้อเสนอที่ให้ไปจะได้รับการพืจารณาอย่างจริงจังผ่านกระบวนการที่ดำเนินและตัดสินใจโดยผู้ใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น เยาวชนถูกเชิญไปเข้าร่วมงานหารือเกี่ยวกับแผนงานด้านการขนส่งของเมือง เยาวชนได้รับการแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงานและประเด็นที่เข้าร่วมให้ข้อเสนอแนะ อีกทั้งทราบแน่ชัดถึงการใช้ประโยชน์จากข้อเสนอแนะของเยาวชน ซึ่งเยาวชนเองได้รับเวลาเพียงพอในการเตรียมตัวทำความเขาใจประเด็นและข้อเสนอแนะของตัวเองสำหรับนำเสนอในที่ประชุม โดยหลังการประชุมจะเป็นบทบาทของผู้ใหญ่ในการรวบรวมและตัดสินใจเกี่ยวกับแผนงานต่อไป
ขั้นที่ 6 – ผู้ใหญ่ริเริ่มโดยมีเด็กและเยาวชนร่วมตัดสินใจร่วม: แน่นอนว่า ไม่ใช่โครงการพัฒนาชุมชนหรือสังคมทุกรูปแบบจะสามารถริเริ่มได้โดยคนจากทุกกลุ่มอายุ อย่างไรก็ตาม การผลักดันให้เกิดการกระบวนการมีส่วนร่วมอย่างมีประสิทธิภาพยังถือเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งต้องเกิดการส่วนร่วมจากหลายกลุ่มโดยเฉพาะ เยาวชน ผู้สูงอายุ และกลุ่มเปราะบางต่าง ๆ ซึ้งการมีส่วนร่วมในขั้นนี้จะเกิดขึ้นเมื่อโครงการหรือกิจกรรมได้ถูกริเริ่มโดยผู้ใหญ่ แต่เยาวชนยังได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจร่วมกันกับผู้ใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น บริษัทหนึงต้องการจัดกิจกรรมกับเยาวชนในท้องถิ่น เยาวชนได้รับเชิญเข้าร่วมในการวางแผนและดำเนินกิจกรรมร่วมกัน โดยในกระบวนการนี้เยาวชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเรื่องการสื่อสารและการดำเนินกิจกรรมไปพร้อมกันกับผู้ใหญ่ ซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์ที่มาจากความร่วมมือกันทั้งสองฝ่ายสำหรับกิจกรรมนี้
ขั้นที่ 7 – เด็กและเยาวชนริเริ่มโดยมีผู้ใหญ่รับบทบาทในเชิงสนับสนุน: ขั้นนี้เกิดขึ้นเมื่อเด็กและเยาวชนได้ริเริ่มกิจกรรมหรือโครงการด้วยตนเอง โดยมีผู้ใหญ่ทำหน้าที่ในเชิงสนับสนุนในโครงการที่นำโดยเด็กหรือเยาวชน ซึ่งโดยปกติแล้วหลายๆ ครั้ง พบว่าผู้ใหญ่มีความลำบากในรับมือโครงการริเริ่มโดยเด็กและเยาวชน เพราะบางครั้งอาจลำบากใจที่จะเข้ามาช่วย แนะนำข้อเสนอแนะที่ปลอดภัย ห้ามไม่ให้ทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมในสายตาของพวกเขา หรือถึงขั้นเข้ามาควบคุมก็เป็นได้ ซึ่งหากไม่สามารถทำได้อย่างเหมาะสม อาจกลายเป็นอุปสรรคในการเรียนรู้ ส่งเสริมความกล้า และแสดงศักยภาพของตนเองรวมถึงทักษะความคิดสร้างสรรค์ออกมาได้ ตัวอย่างสถานการณ์ เช่น ชมรมเยาวชนแห่งหนึ่งตัดสินใจที่จะจัดค่ายร่วมกับเพื่อน ๆ ที่มหาวิทยาลัยเกี่ยวกับประเด็นความหลากหลายทางเพศ เด็กและเยาวชนได้ริเริ่มและเป็นผู้นำในการออกแบบกิจกรรม รวมถึงแผนดำเนินการต่างๆ ซึ่งผู้ใหญ่เองได้เข้ามาร่วมสนับสนุนได้ทั้งในเชิงคำแนะนำและช่องทางการเงินหรือทรัพยากรบุคคล เพื่อให้โครงการที่นำโดยเยาวชนสามารถเกิดขึ้นได้จนสำเร็จ
ขั้นที่ 8 – เยาวชนริเริ่มโครงการและตัดสินใจร่วมกันกับผู้ใหญ่: นี่เป็นขั้นการมีส่วนร่วมชั้นบนสุดซึ่งเป็นการที่เยาวชนสามารถใช้แรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบริเริ่มโครงการที่ต้องโจทย์วัตถุประสงค์และความต้องการของเยาวชนมากที่สุด โดยที่ยังมีผู้ใหญ่ร่วมในการตัดสินใจอยู่ในกระบวนการ การมีส่วนร่วมแบบนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เยาวชนได้ใช้ศักยภาพของตัวเองได้อย่างเต็มที่ แต่ยังเรียนรู้และพัฒนาตนเองไปพร้อมกับการทำงานร่วมกับผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ในทักษะหรือประเด็นที่เกี่ยวข้อง ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มเยาวชนได้สร้างโครงการหนึ่งเพื่อช่วยเหลือเครือข่ายเยาวชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาด กลุ่มเยาวชนนี้เป็นผู้เขียนโครงการของบ และเป็นผู้นำในการดำเนินโครงการ แต่ขณะเดียวกันก็ยังเชิญผู้ใหญ่เข้าร่วมเป็นทีมงานและร่วมกันตัดสินใจพัฒนาโครงการร่วมกันสู่ผลสำเร็จ ซึ่งเยาวชนเองก็ได้เรียนรู้วิธีการจัดการโครงการและจัดสรรทรัพยากรจากผู้มีประสบการณ์ รวมถึงเข้าถึงเครือข่ายใหม่ ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเยาวชนต่อไปหลังจากจบโครงการดังกล่าวนี้
จากระดับการมีส่วนร่วมแต่ละระดับที่ได้นำเสนอไป จริง ๆ แล้วไม่ได้มีความจำเป็นเลยที่เด็กและเยาวชนจะต้องพยายามมีส่วนร่วมในระดับที่สูงโดยตลอด เพราะเด็กและเยาวชนแต่ละคนมีเวลา ความรับผิดชอบ ความชอบ และข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป การมีส่วนร่วมจึงต้องมีการปรับไปตามความเหมาะสมตามเวลา โอกาสที่เหมะสมสำหรับเยาวชนแต่ละคนด้วย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญคือทุกครั้งที่เราออกแบบกิจกรรมการมีส่วนร่วมของเยาวชน จะต้องพยายามออกแบบโดยเปิดโอกาสให้เยาวชนได้เลือกเข้ามามีส่วนร่วมในระดับที่เหมาะสมกับความสามารถของพวกเขาเองตามแต่เวลาและโอกาสที่เหมาะสม
โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย (UNDP Thailand) มีความเข้าใจในความสำคัญของการมีส่วนร่วมของเยาวชนและเราได้มีการทำงานกับเยาวชนในหลายประเด็นมาอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทั้งด้านการมีส่วนร่วมในด้านพลเมือง การส่งเสริมทางด้านเศรษฐกิจ และการผู้นำเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน สนใจ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์การทำงานด้านเยาวชนของเราได้ที่ https://bit.ly/3BZyx7S