- Published Date: 20/08/2020
- by: UNDP
กักตัวช่วงโควิด-19: เมื่อปลอดเชื้อไม่ได้ปลอดภัยจากความรุนแรง
ในขณะที่บ้านเป็นนิยามของความสงบสุขทั้งทางกายและทางใจของใครหลายๆ คน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้นไปทั้งหมด บางคนสะสมความเจ็บปวดกับทั้งทางกายและทางใจที่ต้องอยู่ที่บ้าน
ในช่วงโควิด-19 ที่มีรณรงค์และออกมาตรการให้ทุกคนอยู่บ้านเพื่อหยุดเชื้อนั้น ทำให้คนที่หรือเลี่ยงที่จะอยู่ด้วยกันต่อเนื่องเป็นเวลานานจำเป็นต้องอยู่ด้วยกันยาวขึ้นอย่างไม่มีทางเลือกมากนัก
หนำซ้ำความเครียดจากผลกระทบด้านอื่นๆ ที่ตามมากับโควิด-19 ทั้งการตกงาน เศรษฐกิจที่ย่ำแย่ลง ยังก่อให้เกิดความขัดแย้งและทำให้สถานการณ์บานปลายได้ง่ายๆ
การสำรวจเรื่องผลกระทบโควิด-19 ต่อเด็กและเยาวชนที่จัดทำโดยสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย UNICEF UNDP และ UNFPA ที่มีผู้ร่วมทำแบบสอบถามกว่าหกพันรายพบว่า 10.87% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาความรุนแรงในครอบครัว
ทั้งนี้ความกังวลเกี่ยวกับความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นมีทั้งที่เกิดกับสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ และกับตัวเด็กและเยาวชนเอง โดยความรุนแรงในครอบครัวครอบคลุมถึงการกระทำที่มุ่งให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย จิตใจ หรือสุขภาพของบุคคลในครอบครัวหรือใช้อำนาจให้บุคคลในครอบครัวกระทำหรือไม่กระทำบางอย่างโดยมิชอบ ซึ่งผลลัพธ์จากการใช้ความรุนแรงในครอบครัวอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
โรคระบาด ระบาดพร้อมความรุนแรงในครอบครัว
ในประเทศจีนอย่างมณฑลหูเป่ย ที่ที่เป็นต้นกำเนิดของไวรัสโคโรน่าครั้งนี้พบว่าได้รับรายงานความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มขึ้นถึงสามเท่าจากปีก่อน อีกทั้งหลังการกักตัวสิ้นสุดลง มีคนหย่าร้างเพิ่มมากขึ้นถึง 25% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนมีไวรัสแพร่ระบาด
แนวโน้มสถิติในทิศทางเดียวกันนี้เกิดขึ้นในอีกหลายประเทศ เช่น ในเมือง Nassau ในมหานครนิวยอร์ก มีการโทรแจ้งสายด่วนเพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน ด้านแคว้นคาตาลัน ประเทศสเปน พบว่าจำนวนผู้ใช้บริการสายด่วนขอความช่วยเหลือเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ในช่วงไม่กี่วันหลังมีมาตรการปิดเมือง ส่วนในประเทศไซปรัส จำนวนผู้ใช้บริการสายด่วนขอความช่วยเหลือเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 ภายในหนึ่งสัปดาห์หลังเจอเคสผู้ติดเชื้อรายแรกในประเทศ
นอกจากนี้ UNICEF ระบุว่าอัตราการแสวงประโยชน์และความรุนแรงต่อเด็กที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงโรคระบาดไม่ใช่เรื่องใหม่ ย้อนกลับไปในปีช่วงปี 2557-2559 ที่เชื้อไวรัสอีโบล่าระบาดในทวีปแอฟริกาตะวันตก พบว่ามีจำนวนแรงงานเด็ก เด็กที่ถูกทอดทิ้ง เด็กที่ถูกกระทำรุนแรงทางเพศ รวมถึงการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นได้พุ่งขึ้นสูงกว่าปกติ โดยประเทศเซียร์ร่าลีโอน พบอัตราการการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นสูงถึง 14,000 ราย ซึ่งมากกว่าสองเท่าก่อนที่จะมีการแพร่ระบาด
เมื่อดูสถิติความรุนแรงในครอบครัวของประเทศไทยจากบทความของ TDRI ว่าด้วยเรื่องความรุนแรงในครอบครัวพบว่า สถิติการโทรเข้าสายด่วนในเดือนมีนาคม 2563 อยู่ที่ 103 ราย ซึ่งลดน้อยลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 155 ราย ทั้งนี้ผู้เขียนตั้งข้อสังเกตว่าตัวเลขการโทรเข้าสายด่วนที่ลดลงอาจไม่ได้สะท้อนภาพจริงที่เกิดขึ้นกับความรุนแรงในครอบครัว แต่อาจยิ่งน่ากังวลเพราะผู้เสียหายโดยตรงมักไม่ใช่ผู้ที่แจ้งเหตุเอง เมื่อไม่ได้ออกจากบ้าน จึงไม่มีใครรับรู้ถึงสถานการณ์และไม่ได้แจ้งเหตุ ส่วนตัวผู้เสียหายเองก็มีข้อจำกัดด้านการออกจากพื้นที่จึงทำให้เข้าถึงความช่วยเหลือได้ยากขึ้น รวมไปถึงการตัดสินใจไม่ไปโรงพยาบาลที่เป็นสถานที่สำคัญในการเก็บหลักฐานเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อไป
กักตัวอยู่ในบ้านและต้นเหตุของความรุนแรง
แท้จริงแล้วความรุนแรงในครอบครัวไม่ใช่เรื่องใหม่ มีรายงานข่าวจากสำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรมว่า ในเดือนมกราคม-มีนาคม 2561 พบผู้หญิงและเด็กถูกทำร้าย 5 คนต่อวัน
ในบ้านที่มีเคยเผชิญปัญหาเช่นนี้มาก่อนหน้า โควิด-19 จึงเป็นการเพิ่มเชื้อไฟให้ความขัดแย้งนั้นทวีความรุนแรงมากขึ้น บางบ้านยังมีข้อจำกัดด้านพื้นที่ที่บังคับให้ทุกคนต้องเผชิญหน้ากันตลอดเวลา แต่สำหรับบางบ้านที่ไร้ปัญหาในสภาวะปกติ ความเครียดที่เกิดจากผลกระทบโรคระบาดโควิด-19 เช่นการตกงาน ปัญหาเศรษฐกิจ อาจเป็นสาเหตุให้เกิดความรุนแรงในครอบครัวได้เช่นกัน
ดังครอบครัวของนางสาวเอ ที่ขึ้นพูดในงานที่จัดขึ้นโดยมูลนิธิก้าวไกลและสสส.ว่า ช่วงโควิด-19 บริษัทไม่มีโอทีจึงทำให้รายได้ลดลง สถานการณ์การเงินย่ำแย่ ตนต้องไปหยิบยืมจากเพื่อนหรือหาเงินกู้ หากไม่สำเร็จสามีจะเมาและทำร้าย ในช่วงแรกเธอทนกับสภาพเช่นนั้น ปัจจุบันเอเข้าถึงความช่วยเหลือจากมูลนิธิชายหญิงก้าวไกลแล้ว
อย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึงความรุนแรงในครอบครัวที่เกิดขึ้นในประเทศไทย หนึ่งในต้นเหตุที่มองข้ามไม่ได้คือวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่
จะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกลได้ให้สัมภาษณ์กับ Sanook.com ไว้ว่าโครงสร้างสังคมไทยที่ให้อำนาจกับชายในการใช้ชีวิตและทำกิจกรรมต่างๆ ในขณะที่เพศหญิงต้องแบกความคาดหวังให้อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน และต้องขยันทำมาหากิน เมื่อภาพเช่นนี้ถูกผลิตซ้ำเรื่อยๆ จึงเกิดเป็นสถานะที่ไม่เท่าเทียมระหว่างเพศ และนำไปสู่ความรุนแรงในที่สุด อีกทั้งเมื่อมีปากเสียงและเริ่มลงไม้ลงมือเพศหญิงมักสู้ได้ยากกว่าจากลักษณะทางกายภาพ
ด้านรัฐบาลไทยโดยกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แม้ดูเหมือนจะตระหนักว่าเรื่องความรุนแรงในครอบครัวอาจเกิดขึ้นได้ระหว่างช่วงกักตัว แต่มาตรการที่รัฐออกมาส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่การสร้างความเข้าใจและการหากิจกรรมทำร่วมกันเพื่อหลีกหนีความขัดแย้ง เช่น แนะนำให้การทำอาหารร่วมกัน และทำกิจกรรมผลิตหน้ากากผ้า เป็นต้น
แม้จะมีช่องทางสายด่วนศูนย์ช่วยเหลือสังคม 1300 ให้บริการอยู่ ด้าน บุษยาภา ศรีสมพงษ์ ผู้ก่อตั้ง Shero ภาคประชาสังคมที่ช่วยเหลือผู้ได้รับความรุนแรงในครอบครัวให้ความเห็นผ่าน adaymagazine.com ว่าสายด่วนนี้ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือเฉพาะเรื่องความรุนแรงในครอบครัวเท่านั้น แต่ยังมีประเด็นอื่นๆ เช่น คนไร้บ้าน และการค้าแรงงานมนุษย์ด้วย จึงอาจทำให้ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเข้าไม่ถึงการให้บริการ
ความรุนแรงในครอบครัวไม่ใช่แค่เรื่องในครอบครัว
ไม่มากนักที่ผู้ถูกกระทำจะเข้าไปขอความช่วยเหลือโดยตรง สอดคล้องกับที่คนไทยจำนวนไม่น้อยยึดถือคติ “ความในอย่านำออก ความนอกอย่านำเข้า” จึงทำให้ไม่กล้าเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตนเอง หรือบางครั้งต่อให้ผู้เสียหายกล้าหาญตัดสินใจไปขอความช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่ตำรวจเองกลับเป็นผู้เสนอให้ไกล่เกลี่ยกับคู่กรณี เมื่อเป็นเช่นนี้เหตุการณ์ในลักษณะเดิมจึงมีโอกาสเกิดขึ้นซ้ำรอยครั้งแล้วครั้งเล่าและแทบไม่มีวันสิ้นสุดลง ด้านคนนอกครอบครัวที่พอรับรู้เหตุการณ์ บางก็ไม่ได้ปฏิบัติใดๆ เพราะเกรงว่าจะเป็นการก้าวก่ายเรื่องผู้อื่น
อย่างไรก็ตาม เพราะครอบครัวคือพื้นฐานของสังคม และผู้เชี่ยวชาญหลายรายมีความเห็นสอดคล้องกันว่าความรุนแรงส่งผลต่อผู้เสียหายทั้งทางใจและทางกายในระยะยาว อีกทั้งยังอาจซึมซับพฤติกรรมความรุนแรงเหล่านั้นและเป็นผู้ใช้ความรุนแรงต่อไปในอนาคตที่อาจส่งผลกระทบถึงคนวงกว้างได้ ประเด็นนี้จึงนับว่าเป็นเรื่องของสังคม
ไม่เพียงเท่านี้ ปัจจุบันประเทศไทยมีพ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 เพื่อให้การคุ้มครองและจัดการกับปัญหาความรุนแรงในครอบครัว แนวทางปฏิบัติตามกฎหมายนี้เปิดให้บุคคลทั่วไปแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับความรุนแรงได้โดยไม่ต้องรอให้ผู้เสียหายมาร้องทุกข์ ด้านพนักงานสอบสวนมีหน้าที่ดำเนินคดีอาญาผู้กระทำได้ทันที สิ่งนี้จึงเป็นอีกสิ่งที่ช่วยยืนยันได้ว่าความรุนแรงในครอบครัวไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัว แต่คือเรื่องของทุกคน
อ้างอิง:
https://www.bbc.com/thai/topics/cr50y65y3v9t
https://news.thaipbs.or.th/content/295351
https://tdri.or.th/2020/04/domestic-violence-victims-during-covid19/
https://thediplomat.com/2020/04/chinas-hidden-epidemic-domestic-violence/
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/808864
https://www.sanook.com/news/8079155/
https://www.prachachat.net/general/news-444654
https://www.freepik.com/premium-photo/depressed-despair-anxiety-young-man-sitting-alone-home-mental-health-men-health-concept_7190107.htm