- Published Date: 22/02/2021
- by: UNDP
Youth Co:Lab story: HINT เปลี่ยนทุกข้อสงสัยของนักเรียนให้เป็นความเข้าใจ
การเรียนการสอนในห้องเรียนเป็นไปได้ยากที่จะเข้าใจแจ่มแจ้งแบบไร้ข้อสงสัย ครั้นจะยกมือถามกลางห้องบรรยากาศก็ไม่ได้เอื้ออำนวยเสมอไป หลายคนจึงต้องพึ่งตัวช่วยนอกห้องเรียนไม่ว่าจะเป็นถามเพื่อนคนอื่นๆ เรียนพิเศษ หรือปรึกษาผู้ปกครอง แต่ใช่ว่าทุกคนจะมีตัวช่วยเหล่านี้ ยิ่งเจอสถานการณ์โควิด-19 เข้าไป ความช่วยเหลือที่มีอย่างจำกัดกลับถูกตัดให้ลดน้อยลงไปอีก ปัญหานี้กลายมาเป็นโจทย์หลักที่ทีม HINT เลือกนำไปพัฒนาต่อ
“สมัยก่อนมันไม่มีอะไรถามได้แบบฟรีๆ เลย อย่างมากก็ถามกูเกิ้ล มันอาจได้คำตอบไม่ตรง กว่าจะเจอก็หานาน ส่วนถ้าถามเพื่อนกว่าจะตอบ แล้วก็ต้องมีเพื่อนที่เก่งถึงจะช่วยได้แค่นี้ก็ไม่เท่าเทียมแล้ว ยิ่งโรงเรียนที่ไม่ได้มีการศึกษาดีพอ มันก็ไม่ได้ช่วยกันได้ขนาดนั้น” ปาล์ม-ณภัทร พันธ์ประสิทธิกิจ หนึ่งในผู้ก่อตั้งนึกย้อนกลับไปสมัยที่ตัวเองยังเรียนอยู่
ทีม HINT เป็นการรวมตัวของเพื่อน 3 คน ประกอบด้วย บุ๊ค-บุณยวัส ศรีสมพงษ์ บอส-ธเนศ ศรีอมร และปาล์มที่พบและแลกเปลี่ยนความสนใจกันที่ฝึกงาน
คอนเซ็ปต์พื้นฐานของ HINT ไม่มีอะไรซับซ้อนไปกว่าการให้นักเรียนทิ้งคำถามไว้ ส่วน Helper หรือผู้ตอบจะเข้ามาช่วยคลายข้อสงสัยต่างๆ เอง
ก่อร่างสร้างงาน
จากไอเดียบนหน้ากระดาษ ทีม HINT ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมเวิร์คช็อป Youth Co:Lab กว่าสองเดือน ตลอดเวิร์คช็อปทางทีมได้กลับไปวิเคราะห์ทบทวนตั้งแต่ปัญหาที่ต้องการแก้ วิธีการที่ใช้ในการแก้ปัญหา โมเดลทางธุรกิจ และผลกระทบทางสังคมที่สร้างได้ บุ๊คเล่าว่าหลังจากเข้าเวิร์คช็อปสิ่งที่เปลี่ยนไปมากที่สุดคือโมเดลทางธุรกิจ
แผนล่าสุด HINT ออกแบบมาให้ใช้บริการได้ฟรีแบบมีโฆษณา ค่าโฆษณาเป็นหนึ่งในรายได้ของ HINT และอีกหนึ่งวิธีคือ Subscription Model หากนักเรียนคนไหนต้องการใช้งานแบบปลอดโฆษณา ได้รับคำตอบที่รวดเร็ว และเลือกผู้ตอบได้ การจ่ายค่าสมาชิกก็จะตอบโจทย์ยิ่งขึ้น
สำหรับ Helper สิ่งที่ดึงดูดใจให้เข้ามาช่วยตอบคำถามคือเงินรางวัล
“ถ้าคำถามที่ Helper ตอบตอบได้ดี นักเรียนหรือผู้ถามก็จะให้เหรียญเพื่อแสดงความพึงพอใจ พอจบเดือนเราก็จะเอารายได้ทั้งหมดมาแบ่งสัดส่วนแล้วแบ่งกลับไปให้ Helper ตามจำนวนเหรียญที่ได้รับ” ปาล์มอธิบายต่อว่าแอพลิเคชันเวอร์ชั่นสมบูรณ์จะเปิดคำตอบให้นักเรียนคนอื่นได้เห็นด้วย หากคำตอบถูกใจนักเรียนคนอื่นก็กดไลค์ได้ ส่วน Helper คนไหนมียอดไลค์เยอะก็จะได้รายได้พิเศษด้วย
นอกจากโมเดลธุรกิจที่พัฒนามาไกล บอสแบ่งปันว่าความประทับใจระหว่างการเข้าร่วมเวิร์คช็อปคือการได้แลกเปลี่ยนมุมมองและเข้าใจจากเพื่อนต่างภูมิหลัง ส่วนบุ๊คสนุกกับกระบวนการเวิร์คช็อปที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี แต่ละช่วงเชื่อต่อกันและมีเป้าหมายชัดเจน
ทดลองวิชา
เพื่อให้ใช้ฟังก์ชั่นต่างๆ ได้ครอบคลุมที่สุด HINT ตั้งใจจะทำออกมาในรูปแบบแอพลิเคชัน แต่ด้วยข้อจำกัดด้านงบประมาณและระยะเวลา หลังจากที่ HINT พัฒนาและนำเสนอโครงการจนได้รับคัดเลือกเข้ามาเป็น 1 ใน 5 ทีมสุดท้าย LINE OA จึงเป็นช่องทางในการทำโปรโตไทป์ทดลองตลาดโดยให้ติวเตอร์หรืออาสาสมัครผู้ตอบทำหน้าที่เป็นแอดมิน ส่วนผู้ถามเป็นคนแอด Line OA เพื่อฝากคำถามคาใจหรือโจทย์การบ้านที่แก้ไม่ได้ทิ้งไว้ มาถึงตอนนี้ HINT เปิดทดลองใช้งานใน 3 รายวิชา ได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ
“เราเริ่มโพสต์วันแรกวันเดียวคนเข้ามาห้าหกสิบราย พอครบเดือนหนึ่งมีพันราย และครบสองพันรายประมาณภายในยี่สิบวัน ตอนนี้ทำมาสองเดือนกว่าใกล้จะครบสามพัน อัตราคนเข้ามาเร็วขึ้นเรื่อยๆ” ปาล์มผู้มีหน้าที่หลักในการประชาสัมพันธ์และดูแลการตลาดให้คนเข้ามาในแพลตฟอร์มอธิบายว่า HINT พยายามเข้าถึงผู้ใช้ในหลากหลายช่องทาง ทั้งเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ไลน์กลุ่ม และไลน์ Openchat ทั้งนี้เขายังคงมองหาอาสาเพิ่มเติมที่จะเข้ามาช่วยตอบคำถามและทดลองใช้งานเพื่อทำให้แพลตฟอร์มนี้สมบูรณ์ที่สุด
หลังจากการเปิดตัวในช่วงแรกที่นักเรียนยังเข้ามาถามไม่เยอะจึงเกิดการแย่งกันตอบ HINT จึงพยายามเซ็ตระบบขึ้นมา บอสผู้ดูแลดาต้าอธิบายว่าทุกครั้งที่จะรับดูแลการตอบคำถามให้พิมพ์ว่า “สวัสดีพี่มาแล้วจ้า” และทุกครั้งที่สอนเสร็จก็ให้ติวเตอร์กดส่งแบบประเมินกลับไปให้นักเรียน
“กลไกที่เซ็ตขึ้นมานี้นอกจากจะช่วยลดความสับสนในการแย่งกันตอบแล้ว มันยังใช้นับว่าแต่ละวันมีคำถามเข้ามากี่ข้อ มีคนตอบกี่ข้อ กี่คน และมีกี่คำถามที่ยังไม่ถูกแก้ จากนั้นเราก็จะส่งข้อมูลตรงนี้ให้บุ๊คขึ้นเว็บสำหรับให้ติวเตอร์เช็คคะแนนสถิติของตัวเอง” ที่ผ่านมาผู้ถามมีความพึงพอใจจากคำตอบที่ได้รับถึงราว 88% และการเก็บฟีดแบ็กเช่นนี้ยังมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการพัฒนา HINT เวอร์ชั่นถัดๆ ไป
ความถูกต้องคือสิ่งสำคัญ
เมื่อ HINT เกิดมาเพื่อช่วยไขข้อสงสัยทางวิชาการเป็นหลัก ความถูกต้องจึงคืออีกสิ่งที่พลาดไม่ได้
วิธีการตรวจสอบความถูกต้องในช่วงทดลองนี้ทำผ่านการให้คนในชุมชนช่วยกันตรวจสอบกันเอง มีการกำหนดกฎขึ้นมาว่าหากอาสารายอื่นพบเจอการตอบผิดให้ส่งเรื่องมา งานจัดการก็ไม่น้อย งานพัฒนาก็เยอะ HINT จึงตัดสินใจชวนมิว-ชณิศรา ชมชื่น เข้ามาสมทบทีมเพื่อดูแลการจัดการหลังบ้านโดยเฉพาะ บทบาทหน้าที่ของมิวมีทั้งช่วยตักเตือนสมาชิกที่ไม่ได้ทำตามกฎ ไปจนถึงรับการแจ้งเกี่ยวกับความถูกต้องของการตอบ
“พอเห็นคนอื่นตอบผิดเขาก็เข้ามารีพอร์ตกัน แต่เราไปดูได้ไม่ครบว่าทำผิดยังไง ตอนหลังเลยเพิ่มกฎมาว่าต้องอธิบายพร้อมบอกคำตอบที่ถูกต้องด้วย” มิวอธิบายขั้นตอนการทำงาน “บางครั้งเราได้รับรีพอร์ตเป็นติวเตอร์คนเดิมๆ ซ้ำๆ เราเลยต้องมีฟอร์แมตบันทึกข้อมูลไว้ด้วยเพื่อป้องกันการตักเตือนซ้ำ”
ผลลัพธ์ที่เกิดคาด
นอกจาก HINT จะช่วยคลายข้อสงสัยเฉพาะหน้า ทำให้เด็กหลายๆ คนมีการบ้านที่เสร็จสมบูรณ์พร้อมส่งครูแล้ว HINT ยังช่วยสร้างความเข้าใจในบทเรียนด้วย
“มีคนสอนที่ให้น้องเล่าก่อนว่าเขาคิดยังไงกับโจทย์นี้ก่อนที่จะเฉลย เหมือนให้เด็กได้ทบทวนตัวเองก่อนและมีอาสาอีกคนที่อัดคลิปเป็นสอบคลิปเพื่ออธิบายสิ่งที่เด็กถามเป็นสิบคลิป สปิริตเขาสุดยอดมาก” บุ๊คเล่า “ส่วนฝั่งเด็ก ก็มีน้องถามว่าพี่จะทำ Line OA ตลอดไปไหม จะได้ไม่ห่วงเรื่องการบ้าน เราได้ยินแล้วน้ำตาจะไหล”
โจทย์ใหม่ที่เจอ
HINT ยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์และเก็บข้อเสนอจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ อย่างต่อเนื่อง หลังจากนำ HINT ไปคุยกับคุณครูในโรงเรียน หนึ่งในฟีดแบกที่ได้คือ “HINT อาจเป็นดาบสองคมเพราะเด็กไม่ต้องทำการบ้านเอง” ทางทีมจึงนำโจทย์นี้ไปพัฒนาต่อ
“เพราะอยากให้เกิดกระบวนการเรียนรู้มากที่สุด เราจึงไปคิดฟีเจอร์ใหม่เพิ่มมา แทนที่ Helper จะให้คำตอบเลยทันที หลังจากที่อธิบายพูดคุยกันไปสักพักหนึ่งก่อนที่จะเข้าสู่การเฉลยคำตอบ จะมีปุ่มให้ติวเตอร์ส่งคำถามไปหาเด็กเพื่อทดสอบความเข้าใจ” บอสอธิบายว่าฟีเจอร์ใหม่นี้ถอดมาจากโปรโตไทป์ที่กำลังทำอยู่ “ติวเตอร์ชอบถามว่า ที่อธิบายยาวๆ นี่เข้าใจไหม ร้อยละ 70 จะบอกว่าเข้าใจแล้ว แต่เราไม่รู้เลยว่าเขาเข้าใจจริงหรือเปล่า ฟีเจอร์ตรงนี้จะช่วยทดสอบความเข้าใจได้และติวเตอร์จะได้รู้ว่าต้องสอนอะไรเพิ่ม”
“ฟีเจอร์เช็คความเข้าใจนี้จะเป็นแบบมีตัวเลือก ต่อให้เลือกผิดก็ยังคงได้คำตอบอยู่ดี แต่หากตอบถูกบ่อยๆ ก็จะมีรางวัลให้คนตอบ เช่น ทำให้เจอติวเตอร์ได้เร็วขึ้น หรือเลือกติวเตอร์คนที่อยากเจอได้” ปาล์มเสริม
ขยายฐาน
เรื่องการเข้าถึงผู้ใช้ในวงกว้างเป็นสิ่งที่ HINT ตระหนักดีตั้งแต่ต้นว่าอยากทำให้ครอบคลุมที่สุด
สำหรับนักเรียนเก่งที่อาจไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือ HINT มองว่าพวกเขาอาจเข้ามาในฐานะ Helper ได้เช่นกัน โดยในช่วงทดลองนี้ HINT ได้เปิด Line Openchat ขึ้นมาเพื่อให้เพื่อนนักเรียนช่วยตอบกันเองด้วย เหมือนช่วยติวเพื่อนๆ ไปในตัว ภายในระยะเวลา 1 เดือนมีผู้ใช้ Line Openchat ราว 600 คน
ส่วนอีกกลุ่มที่ HINT ยังเข้าไม่ถึงในจุดนี้คือกลุ่มที่อาจไม่ได้มีโทรศัพท์และเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ตลอด
“กลุ่มนี้เราต้องใช้เวลาสักพักในการเก็บดาต้าให้รู้ว่านักเรียนส่วนใหญ่ติดปัญหาเรื่องไหน แล้วค่อยหาวิธีทำงานร่วมกับโรงเรียนและหน่วยงานการศึกษาเพื่อแก้ไขในระดับระบบหลักสูตรต่อไป” ปาล์มอธิบาย
มากกว่าถาม-ตอบ
แม้สโคปงานที่ HINT ทำจะอยู่ที่การสร้างความเข้าใจและถามตอบในประเด็นที่เด็กๆ สงสัยในบทเรียน แต่จากการคลุกคลี เก็บและวิเคราะห์ข้อมูลเรื่อยมาทำให้ทีมเห็นภาพใหญ่ของการศึกษาในปัจจุบัน
“เราพบว่านักเรียนค่อนข้างซีเรียสเรื่องวิชาการมากๆ เด็กมัธยมต้นก็เอาโจทย์มัธยมปลายมาทำ” ปาล์มอธิบาย
“มันเลยน่าเป็นห่วงว่าเด็กอาจโฟกัสที่วิชาการมากเกินไปจนไม่มีเวลาใช้ชีวิต ไม่มีเวลาสนใจเรื่องรอบตัว” บุ๊คเสริม ทั้งนี้พบว่านักเรียนกว่า 70% มีความใฝ่ฝันอยากเป็นหมอซึ่งไม่ต่างอะไรจากหลายสิบปีก่อน
ทั้งที่ในปัจจุบันมีอาชีพใหม่ๆ ที่ขยายกว้างมากขึ้น
การเห็นข้อมูลเหล่านี้ทำให้ทาง HINT มีแผนในระยะยาวที่อยากช่วยไขข้อข้องใจในทุกๆ มิติของการเรียนรู้และการใช้ชีวิตให้มากขึ้น
“เรามอง HINT เป็นช่องทาง ในอนาคตเราอาจเชิญผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขาเข้ามาด้วยเพื่อให้แบ่งปันประสบการณ์การทำงานในสาขานั้นๆ รวมถึงอาจต่อยอดเป็น HINT for Mind, HINT for Health เพื่อออกแบบแพลตฟอร์มให้ตอบโจทย์ชีวิตนักเรียนให้รอบด้านมากขึ้นด้วย” ปาล์มสรุป